>

เดินทางเพื่อติดต่อหน่วยงานราชการ ติดต่อหน่วยงานธุรกิจ

Home - เกี่ยวกับเรา : คัดหนังสือรับรอง : คัดงบการเงิน : คัดบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น : คัดบริคณห์สนธิ : คัดทะเบียนราษฎร์ : คัดรับรองตราประทับ : คัดเอกสารต่อใบอนุญาตทำงาน:
จดทะเบียนบริษัท : เลิกบริษัท : งบเปล่า :บริการแปลเอกสาร : รับรองเอกสาร-โนตารี่พับลิค : การตลาด-พันธมิตร : ที่อยู่จดทะเบียน : ปรึกษาคดีฟรี-รับว่าความ : รับสมัครงาน
Affidavit 300 Baht 6500B-dormant co-regis 2200B notary 1000B.
00B-marketing
  12000B-address 1500B-web 200B-list
BB-travelling
 

บริการเดินทางทั่วประเทศ เพื่อเป็นตัวแทนในการติดต่อหน่วยงานราชการ และหน่วยงานธุรกิจต่างๆ เช่น รับเช็ค แจ้งหนี้ วางบิล และติดต่อธุรกิจอย่างอื่น ครอบคลุมทุกจังหวัด ทั่วประเทศ เช่น จดทะเบียนบริษัท จดทะเบียนธุรกิจต่างๆ ขอใบอนุญาต ทางธุรกิจ ยื่นคำฟ้อง คำร้อง คำแถลง ยื่น อุทร ฏีกา ฟังคำพิพากษา ขอเลื่อนคดี ขอออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี แจ้งหนี้ / วางบิล / เก็บเช็ค / รับมอบอำนาจต่างๆ

 
nara-office

เรามีบริการ แปล เอกสาร / รับรองเอกสาร โนตารี่พับลิค

แปล หนังสือรับรองบริษัท - ห้างหุ้นส่วน

แปลวัตถุประสงค์

แปลใบสำคัญการจดทะเบียนบริษัท

แปลข้อบังคับบริษัท

แปลบัญชีราชื่อผู้ถือหุ้น

แปลคำรับรองตราประทับ

แปลหนังสือบริคณห์สนธิ

และ งานแปลเอกสารจดทะเบียนธุรกิจอื่น ๆ

สำนักงาน กรุงเทพฯ
(งานด่วน รอรับได้เลย)

บริษัท นารา การบัญชี จำกัด

ให้บริการเดินทางไปจดทะเบียนทั่วประเทศ

ต้นทุนค่าเดินทาง

Provinces

นาราการบัญชี

สมุทรปราการ  / นนทบุรี / ปทุมธานี
Samutprakan, Nonthaburi, Pathumthani,

500

นครปฐม / สมุทรสาคร / ฉะเชิงเทรา / สระบุรี / อยุธยา / เพชรบุรี / สิงห์บุรี / อ่างทอง / สมุทรสงคราม / นครนายก / สุพรรณบุรี / ราชบุรี
Nakhonpathom, Samutsakhon, Chachoengsao, Saraburi, Ayutthaya, Petchburi, Singburi,  Angthong, Samutsongkhram, Nakhonnayok, Suphanburi, Ratchaburi,

1,000

ชลบุรี / ระนอง / จันทรบุรี / ตราด / สระแก้ว / ปราจีนบุรี / ประจวบคีรีขันธ์ / นครสวรรค์ / ชัยนาท / ลพบุรี / อุทัยธานี / กาญจนบุรี / นครราชสีมา
Chonburi, Ranong, Chantaburi, Trat, Sakaeo, Prachinburi, Prachuapkhirikhan, Nakhonsawan,  Chainat, Lopburi, Uthaithani, Kanchanaburi, Nakhonratchasima,
--------------------------------------------------------------------------------
ภูเก็ต / ระนอง / พังงา / กระบี่ / เชียงใหม่ / สงขลา / ตรัง / นครศรีธรรมราช / เลย / ชุมพร / พัทลุง / สตูล / สุราษฎานี / อุบลราชธานี / อุดรธานี / หนองคาย / ลำพูน / บึงกาฬ / กำแพงเพชร / กาฬสินธ์ / ขอนแก่น / เชียงราย / บุรีรัมย์ / ยโสธร / ร้อยเอ็ด / สกลนคร / ชัยภูมิ / มุกดาหาร / ลำปาง / สุโขทัย / หนองบัวลำภู / นครพนม / พิษณุโลก / แพร่ / มหาสารคาม / อำนาจเจริญ / อุตรดิตถ์ / สุรินทร์ / ตาก / ศีสะเกษ / พะเยา / เพชรบูรณ์ / พิจิตร
Phuket, Rayong, Phangnga, Krabi, Chiangmai, Songkhla, Trang, Nakhonsithammarat, Loei, Chumporn, Phatthalung, Satun, Suratthani, Ubonratchathani, Udonthani, Nongkhai, Lampoon, Buengkan, Kamphaengphet, Kalasin, Khonkaen, Chiangrai, Burirum, Yasothon, Roiet, Sakonnakhon, Chaiyaphum, Mukdahan, Lampang, Sukhothai, Nongbualamphu, Nakhonphanom, Phitsanulok, Phrae, Mahasarakham, Amnatcharoen, Uttaradit, Surin, Tak, Sisaket, Phayao, Phetchabun, Phichit,

 

1,500

-----------------------------

2,000

ยะลา / นราธิวาส / ปัตตานี / แม่ฮ่องสอน
Yala, Narathiwat, Pattani, Maehongson,

3,000

หมายเหตุ         

  • ค่าบริการดังกล่าวเป็นการเดินทางและติดต่อราชการสำหรับเขตอำเภอเมืองเท่านั้น หากต้องติดต่อในต่างอำเภอ จำเป็นต้องเรียกเก็บเพิ่มตามความเหมาะสม
  • ค่าบริการดังกล่าวเป็นการเดินทางสำหรับติดต่อสถานที่เดียวเท่านั้น หากต้องติดต่อมากกว่า อาจจำเป็นต้องเรียกเก็บค่าบริการเพิ่ม
  • ท่านต้องส่งงานเอกสารให้สอบทานทาง แฟ็กซ์ หรือ อีเมล์ ก่อนอย่างน้อย 2 วันทำการ และ นาราฯ สามารถเปิดซองเอกสารสอบทานฉบับจริงก่อนการเดินทาง
  • ค่าบริการดังกล่าว ไม่รวม ค่าใช้จ่ายอย่างอื่น จะเรียกเก็บตามจริง เช่น ค่าเดินทางรับงาน และส่งมอบงาน

 

ท่านสามารถไว้วางใจในงานบริการและความรับผิดชอบของทีมงาน เนื่องจากเราทำงานแบบมืออาชีพ และทางบริษัท นาราการบัญชี จำกัด เองก็ให้ความสำคัญกับเอกสารและเงื่อนไขเวลาเป็นสำคัญ


รายละเอียดการใช้บริการ และการจ่ายชำระ ท่านสามารถโอนเงินค่าบริการ พร้อมค่าธรรมเนียมเข้าบัญชี

ธนาคาร
ยูโอบี สาขาลาดพร้าว
ชื่อบัญชี
บริษัท นาราการบัญชี จำกัด
เลขที่บัญชี
739-129-822-3
ประเภทบัญชี
ออมทรัพย์
ธนาคาร
กสิกรไทย สาขาบิ๊กซี ลาดพร้าว 2
ชื่อบัญชี
บริษัท นาราการบัญชี จำกัด
เลขที่บัญชี
968 2 04487 7
ประเภทบัญชี
ออมทรัพย์
ธนาคาร
ไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซี ลาดพร้าว 2
ชื่อบัญชี
บริษัท นาราการบัญชี จำกัด
เลขที่บัญชี
928 2 02656 7
ประเภทบัญชี
ออมทรัพย์
ธนาคาร
กรุงเทพ สาขาลาดพร้าว 44
ชื่อบัญชี
บริษัท นาราการบัญชี จำกัด
เลขที่บัญชี
203 4 16272 3
ประเภทบัญชี
ออมทรัพย์

การใช้บริการ เมื่อท่านโอนเงินค่าบริการพร้อมค่าธรรมเนียมแล้ว ขอให้ท่านแจ้งรายชื่อ บริษัท (ห้างหุ้นส่วน) ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

โทร.02 933 5511, 02 933 5512, 081 585 88 11, 085 018 33 00
แฟ็กซ์. 02 933 5512
อีเมล์: info@53ac.com
ส่ง message ผ่าน มือถือ 081 585 88 11

สถานที่ติดต่อ

บริษัท นารา การบัญชี จำกัด
เลขที่ 4/1 ซอยลาดพร้าว 52 ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310

โทร 080 173 2000 ; 080 174 2000
โทร 080 286 2000 ; 080 287 2000
โทร 02 933 5511 ; 02 933 5512

*** งานบัญชี โทร 080 175 2000

อีเมล์: info@53ac.com
และสำเนาอีเมล์ ถึง (CC) : 53ac.com@gmail.com

Line ID: nara53

line-logo

nara-map

1 = สถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส หมอชิต
2 = สถานีรถไฟใต้ดิน จตุจักร
3 = สถานีรถไฟใต้ดิน พหลโยธิน
4 = สถานีรถไฟใต้ดิน ลาดพร้าว
5 = สถานีรถไฟใต้ดิน รัชดาภิเษก

 

Q&A (ถาม-ตอบ) เกี่ยวกับการจดทะเบียนบริษัท

ถาม 1 - ต้องการจดทะเบียนบริษัท แต่มีชาวต่างชาติมาถือหุ้นด้วย ไม่ทราบว่ามีวิธีการและขั้นตอนที่แตกต่างบริษัทไทยทั่วไปหรือไม่คะ

ตอบ 1 - แน่นอนครับ มีกรรมวิธีที่สับซ้อนกว่าเยอะครับ เนื่องจากบ้านเราค่อนข้างระมัดระวังเกี่ยวกับการเข้ามาทำธุรกิจของชาวต่างชาติ จึงได้มีการออก "พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542" เข้ามาควบคุมการทำธุรกิจของคนต่างด้าว (ไม่ขอพูดในรายละเอียดครับ มันยาวมาก มาก)

ขอสรุปง่ายๆ ดังนี้ครับ ถ้าคนต่างชาติมาถือหุ้นไม่เกิน 49% (ส่วนที่เหลือเป็นคนไทย 51% หรือมากกว่า) ก็ถือเป็นบริษัทไทย ไม่ต้องไปสนใจ พรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ดังกล่าว แต่การที่คนต่างชาติมาถือหุ้นเกิน 40% แต่ไม่เกิน 50% หรือคนต่างชาติดังกล่าวมาถือหุ้นน้อยกว่า 40% แต่เข้าร่วมเป็นกรรมการของบริษัท ผู้ถือหุ้นคนไทยทุกคนต้องแสดงที่มาของเงินลงทุนร่วมในบริษัทดังกล่าว อาจวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้

  • สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคาร ย้อนหลัง 6 เดือน
  • เอกสารรับรองจากธนาคารแสดงการรับรองฐานะการเงิน
  • สำเนาหลักฐานที่แสดงถึงที่มาของเงินทุนสำหรับการจ่ายค่าหุ้น อาจหมายถึง สัญญากู้ยืมเงิน

ถาม 2 - เงินลงทุนขั้นต่ำ ควรมีอย่างน้อยเท่าไหร่ และต้องแสดงหลักฐานการนำเงินมาลงทุนอย่างไร
ตอบ 2 - ในกรณีของบริษัททั่วไปไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องเงินลงทุน ตามกฎหมายกำหนดให้หุ้นมีมูลค่าอย่างน้อย 5 บาทต่อหุ้น และจะต้องมีอย่างน้อย 3 หุ้น นั้นหมายถึงว่า เงินทุนขึ้นต่ำต้องมีอย่างน้อย 15 บาทครับ แต่ไม่เห็นด้วยนะครับที่จะจดทะเบียนด้วยเงินทุนเท่านี้ เพราะว่า

  • ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียน จะถูกกำหนดเป็นสัดส่วนต่อทุนจดทะเบียนหลักล้านบาท นั้นหมายถึงการจดด้วยทุน 1 ล้านบาท และ ทุน 15 บาท จะมีค่าธรรมเนียมเท่ากันครับ จึงควรจดด้วยทุนจดทะเบียนหลักล้านบาทครับ
  • ต้องดูเงื่อนไขต่างๆ ในการทำธุรกิจด้วย เช่น หากต้องจากชาวต่างชาติเข้าทำงานด้วย ต้องจดทะเบียนด้วยอย่างน้อย 2 ล้านบาท ต่อการว่าจ้างชาวต่างชาติ 1 คน และจะเป็นสัดส่วนอย่างนี้ต่อการว่าจ้างชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น
  • ต้องดูขนาดของการทำธุรกิจ เพื่อความเหมาะสม และเพื่อการแสดงฐานะการเงินอย่างน่าเชื่อถือ
  • ขอให้ข้อสังเกตุว่า ท่านอาจจดทะเบียนด้วยทุนตามที่ต้องการได้ เช่น 1 ล้านบาท และอาจแสดงเงินทุนแบบเรียกชำระไม่ครบ เช่น เรียกชำระเพียงแค่ 25% ก่อนในช่วงเริ่มแรก เพื่อเป็นการประหยัดเกี่ยวกับภาษีที่เกี่ยวข้องกับการที่ไม่ได้นำเงินเข้ามาในบริษัท

อันที่จริงแล้ว ณ วันจดทะเบียน ยังไม่ต้องแสดงหลักฐานเกี่ยวกับเงินที่นำมาลงทุน เพียงแค่แสดงในเอกสารและรับรองโดยกรรมการบริษัทเกี่ยวกับการเก็บรักษาเงินลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วกรรมการจะแจ้งว่าเก็บรักษาไว้โดยกรรมการ และสามารถพูดได้ว่าบริษัทส่วนใหญ่แล้วไม่ได้นำเงินเข้าลงทุนจริง (แค่แจ้งในเอกสารเท่านั้น) ดังนั้น การทำบัญชีจะแสดงเงินที่ไม่ได้นำเข้ามาลงทุนจริงดังกล่าว ในบัญชี เงินให้กู้ยืมแก่กรรมการ และต้องคิดดอกเบี้ยเพื่อเสียภาษี ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีธุรกิจเฉพาะ เพื่อให้สอดคลัองกับหลัำกการจัดเก็บภาษี เสมือนว่าบริษัทท่านได้นำเงินลงทุนไปฝากธนาคาร

ถาม 3 - หากจดทะเบียนแล้ว จะมีภาระหน้าที่อะไรบ้างครับ โดยเฉพาะเรื่องภาษี
ตอบ 3 - โปรดดูรายละเอียดคร่าว ๆ จากเอกสารข้างล่างนี้ก่อนครับ

co-taxation1

co-taxation2

ถาม 4 - ไม่ทราบว่ามีให้บริการ เปลี่ยนแปลงที่อยู่ และเปลี่ยนชื่อและตราประทับ หรือไม่ และราคาเท่าไหร่

1.ต้องการเปลี่ยนที่อยู่บริษัท
นาราการบัญชี มีให้บริการครับ รายละเอียดค่าบริการและค่าธรรมเนียม เป็นดังนี้:

    • ค่าบริการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่อยู่สำนักงาน 4,000 บาท (ครอบคลุมทั้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสรรพากร)
    • ค่าธรรมเนียมจ่ายให้กรมฯ 600.00 บาท

2. ต้องการเปลี่ยนชื่อและตราประทับบริษัท
นาราการบัญชี มีให้บริการครับ รายละเอียดค่าบริการและค่าธรรมเนียม เป็นดังนี้:

    • ค่าบริการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อและตรายางบริษัท (ครอบคลุมทั้งกรมพัฒฯ และกรมสรรพากร) 4,000.00 บาท
    • ค่าาธรรมเนียมรัฐบาล 1,150 บาท
    • ค่าลงโฆษณาเชิญประชุมในหนังสือพิมพ์ท้ัองถิ่น 800.00 บาท
    • ค่าแสตป์์และบริการจัดส่งจดหมายเิชิญประชุม 120 บาท

เพิ่มเติม เรื่องค่าบริการครับ กรณีให้ดำเนินการพร้อมกัน มีส่วนลดให้ครับ งานส่วนที่สอง ลอให้ครึ่งหนึ่ง 50%

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการ เปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงาน บริษัท:

  1. สำเนาบัตรประชาชนของกรรมการ ผู้มีอำนาจลงนาม 3 ชุด
  2. สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการผู้มีอำนาจ 3 ชุด
  3. สำเนาแผนที่ตั้งแห่งใหม่ขอสังเขป 3 ชุด
  4. สำเนาแบบ ภพ.01, 09, 20 ของทุกครั้งที่มีการยื่นเปลี่ยนแปลง 2 ชุด (พร้อมฉบับจริง)
  5. สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี 2 ชุด (พร้อมตัวจริง)
  6. ภาพถ่ายสถานประกอบการ 4 ภาพ ถ่ายให้เห็นเลขที่บ้านและชื่อบริษัทให้ชัดเจน ติดลงกระดาษเอ 4 (เซ็นต์รับรองโดยกรรมการ) 2 ชุด

    หลักฐานของสำนักงานแห่งใหม่
  7. หนังสือยินยอมให้ใช้สถานประกอบการ 2 ชุด
  8. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านของเจ้าของสถานประกอบการ 2 ชุด
    กรณีกรรมสิทธิ์ในอาคารเป็นของนิติบุคคลไม่ต้องเตรียมข้อ 6 แต่ต้องเตรียมเอกสารตามรายละเอียดตามด้านล่างนี้แทน
    • สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคลพร้อมวัตถุประสงค์ของนิติบุคคลนั้น 2 ชุด
    • สำเนาบัตรประชาชนของกรรมการ 2 ชุด
    • สำเนาทะเบียนบ้านของกรรมการ 2 ชุด
    • สำเนาสัญญาเช่าสำนักงาน 2 ชุด
    • สำเนาทะเบียนบ้านของสถานประกอบการแห่งใหม่ 2 ชุด
    • เจ้าหน้าที่อาจขอสำเนาโฉนดที่ดินเพิ่มเติม ถ้าในกรณีที่บริษัทไม่มีสำเนาทะเบียนบ้าน

หมาเหตุ เอกสารตามข้อที่กล่าวมาข้างต้้นให้กรรมการผู้มีอำนาจลงนามและประทับตราทุกฉบับยกเว้น ข้อ 7 - 8

ถาม 5 - อยากทราบว่าในการจัดทำตราประทับ มีข้อกำหนดอะไรบ้าง

ตอบ 5 - หลักเกณฑ์การจัดทำดวงตราของห้างหุ้นส่วนและบริษัท ดังต่อไปนี้

  1. ดวงตราของห้างหุ้นส่วนและบริษัทต้องไม่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
    1. เครื่องหมายตรามหาจักรีบรมราชวงศ์
    2. พระบรมราชาภิไธย พระปรมาภิไธยย่อของพระมหากษัตริย์ทุกรัชกาล และพระนามาภิไธยย่อของสมเด็จพระอัครมเหสีหรือสมเด็จพระยุพราช
    3. พระบรมราชสัญลักษณ์ และพระราชสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระอัครมเหสี และสมเด็จพระยุพราช
    4. พระมหามงกุฎ มงกุฎขัตติยราชนารี หรือเครื่องราชอิสริยาภรณ์อื่นใดที่ใกล้เคียงกับมงกุฎ
    5. ฉัตรต่าง ๆ อันเป็นลักษณะของเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศ
    6. ตราแผ่นดิน ตราราชการ ตราครุฑพ่าห์ ธงหลวง ธงชาติ หรือธงราชการ เว้นแต่จะได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต
    7. พระราชลัญจกร และลัญจกรในราชการ
    8. เครื่องหมายกาชาด ชื่อกาชาด กาเยเนวา เครื่องหมายราชการ หรือเครื่องหมายใด ๆ ที่ขัดต่อรัฐประศาสโนบายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
    9. เครื่องหมายที่ราชการ องค์การ หน่วยงานของรัฐหรือองค์การ ระหว่างประเทศขอสงวนไว้
    10. สัญลักษณ์ประจำชาติไทย ได้แก่ ช้างไทย ดอกราชพฤกษ์ และ ศาลาไทย
  2. ดวงตราจะมีชื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทหรือไม่ก็ได้ ในกรณีตรามีชื่อห้างหุ้นส่วน บริษัท ชื่อในดวงตรานั้นต้องชัดเจนและตรงกับชื่อที่ขอจดทะเบียน หรือตรงกับชื่อภาษาต่างประเทศที่ขอใช้และต้องมีคำแสดงประเภทของนิติบุคคลด้วย
  3. กรณีขอจดทะเบียนดวงตราสำคัญมากกว่า 1 ดวง ให้ผู้ขอจดทะเบียนระบุให้ชัดเจนไว้ในรายการจดทะเบียนอย่างอื่นซึ่งเห็นสมควรจะให้ประชาชนทราบว่าดวงตราดวงใดใช้ในกรณีใด
  4. บริษัทจะขอจดทะเบียนดวงตราสำคัญหรือไม่ก็ได้เว้นแต่อำนาจกรรมการ จะระบุว่าต้องประทับตราสำคัญบริษัทก็ต้องขอจดทะเบียนดวงตราสำคัญด้วย

ถาม 6 - อยากจะทราบว่ามีข้อบังคับทางกฎหมายเกี่ยวกับการเขียนชื่อบริษัทจำกัดในภาษาอังกฤษหรือไม่
ปกติจะพบเห็นบริษัทจำกัดเขียนชื่อของบริษัทแล้วตามด้วย Company Limited หรืออักษรย่อ Co., Ltd. โดยทั่วไป แต่บริษัทบางบริษัท หรือบริษัทที่จดทะเบียนเป็นบริษัทลูกของบริษัทจากต่างชาติก็นิยมใช้เพียงคำว่า Limited หรืออักษรย่อ Ltd. ตามท้ายชื่อบริษัท จึงอยากสอบถามว่าในเชิงกฎหมายแล้วมีข้อบังคับหรือบ่งชี้ในการเขียนชื่อบริษัทหรือไม่อย่างไรครับ

ตอบ 6 - การใช้ชื่อภาษาต่างประเทศซึ่งมีความหมายว่า บริษัท นั้น กำหนดให้ใช้ Company Limited (ย่อว่า Co., Ltd.) หรือ ในกรณีที่ไม่ใช้คำว่า Company หรือคำว่า Corporation ให้ใช้คำว่า Limited (ย่อว่า Ltd.) คำเดียวในตอนท้ายชื่อ สำหรับบริษัทจำกัดจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ให้ใช้คำว่า Corporation หรือ Incorparated (ย่อว่า Inc.) ตอนท้ายชื่อ ทั้งนี้เป็นไปตามประกาศกระทรวงเศรษฐการ เรื่อง อักษรต่างประเทศ ซึ่งมีความหมายว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” และ “บริษัทจำกัด

“ห้างหุ้นส่วนจำกัด” และ “บริษัทจำกัด”

อาศัยความตามาตรา ๓ (๒) และมาตรา ๕ (๒)แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. ๒๔๙๙  กระทรวงเศรษฐการ ประกาศอักษรต่างประเทศ ซึ่งมีความหมายว่า “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” และบริษัทจำกัด” คือ

co-reg1

หมายเหตุ :- ในกรณีที่ไม่ใช้คำว่า Company หรือคำว่า Corporation ให้ใช้คำว่า Limited (ย่อว่า Ltd.) คำเดียวในตอนท้ายชื่อ
                  สำหรับบริษัทจำกัดจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา ให้ใช้คำว่า Corporation หรือ Incorporated (ย่อว่า Inc.) ในตอนท้ายชื่อ 
                  ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป 

ประกาศ ณ วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๐
พลตรี ศิริ สิริโยธิน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ

ถาม 7 - สอบถามค่ะ เมื่อหุ้นส่วนผู้จัดการเสียชีวิตลง แล้วต้องการเปลี่ยนหุ้นส่วนท่านอื่นเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแทนพร้อมทั้งเพิ่มหุ้นส่วนใหม่เข้าไปในหจก. จะต้องทำอย่างไรและเอกสารที่ต้องใช้มีอะไรบ้างคะ โดยที่หุ้นส่วนผจก.มีบุตรเป็นผู้จัดการมรดกอยู่ สิทธิ์ในการบริหารหจก.จะตกสู่ทายาทของผู้เสียชีวิตโดยอัตโนมัติหรือไม่คะ 

ตอบ 7 - กรณีผู้เป็นหุ้นส่วนตาย แต่ผู้เป็นหุ้นส่วนที่เหลืออยู่ได้ตกลงกันและมีความประสงค์ที่จะให้ห้างยังคงอยู่ต่อไป ก็สามารถกระทำได้ รวมทั้งการตกลงเพิ่มตัวผู้เป็นหุ้นส่วนและสิทธิ์ในการบริหารด้วย อนึ่งการยื่นขอจดทะเบียนจะต้องแนบสัญญาลงลายมือชื่อของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน และสำเนาหลักฐานการเป็นผู้จัดการมรดก พร้อมคำขอจดทะเบียนด้วย

ถาม 8 - อยากทราบว่าจดทะเบียนนิติบุคลไว้ แล้วอยู่มาทางเขตแจ้งเปลี่ยนบ้านเลขที่ต้องทำอย่างไรบ้างกับทะเบียนนิติบุคคลคะ

ตอบ 8 - ให้ผู้ประกอบการนำหลักฐานที่ทางเขตแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ ไปติดต่อขอแก้ไขทะเบียนนิติบุคคลได้ที่ ชั้น 3 กรมพัมนาธุรกิจการค้า หรือ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าเขต (สพข.) ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ดังนี้ 

  • สพข.1 (ปิ่นเกล้า)อาคารธนาลงกรณ์ทาวเวอร์ชั้น 14 สพข.2 ถ.บรมราชชนนี
  • สพข.2 (พหลโยธิน สี่แยกประดิพัทธ์)
  • สพข.3 (รัชดาภิเษก) อาคารปรีชาคอมเพล็กซ์ C 2 ชั้น 3
  • สพข.4 (สุรวงศ์) อาคารวรวิทย์ ชั้น 8 โซน A-B
  • สพข.5 (ศรีนครินทร์) อาคารโมเดิร์นฟอร์ม ชั้น 16

ถาม 9 - ขอเรียนถามว่ากรณีที่ห้างฯ ถูกถอนชื่อออกจากทะเบียนตามมาตรา1273แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้วสามารถทำนิติกรรมโดยยังคงใช้ชื่อห้างฯ ได้หรือไม่ ขอได้โปรดตอบให้ทราบด้วยจักขอบพระคุณมาก

ตอบ 9 - กรณีห้างฯ ถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนแล้วให้ถือว่าห้างฯ นั้นสิ้นสภาพ ดังนั้นห้างฯ จึงไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ต่อไปได้

 

ถาม 10 - ไม่ทราบว่าคณะกรรมการบริษัท สามารถทำมติเวียน คือไม่มีการนั่งประชุม แต่ให้มีมติเวียนเซ็นต์ในรายงานการประชุม บางคนบอกว่าไม่ได้ แต่ไม่สามารถอ้างประกาศ หรือกฎระเบียบฉบับหนึ่งฉบับใดได้

ตอบ 10 - ในปัจจุบันกฎหมายยังไม่มีข้อกำหนดให้การประชุมกรรมการสามารถทำมติเวียนได้

ถาม 11 - อยากทราบว่าถ้าเปิดร้านขายส่งเสื้อผ้าควรจดทะเบียนแบบไหนและการจดทะเบียนพาณิชย์บุคคลธรรมดาจะต้องจ่ายพาษีประเพทไหน 

ตอบ 11- ติดต่อขอจดทะเบียนพาณิชย์ได้ที่ สำนักงานเขต ซึ่งสถานประกอบการตั้งอยู่ และติดต่อขอเยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ โดยเสียภาษีปีละ 2 ครั้ง ดังนี้

  1. 1.ภ.ง.ด.94 (ภาษีครึ่งปี) คำนวณรายได้จากเดือนมกราคม-มิถุนายน ยื่นแบบภายในเดือน กรกฎาคม -กันยายน ของทุกปี 
  2. 2. ภ.ง.ด.90 (ภาษีปลายปี) คำนวณรายได้จากเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม ยื่นแบบภายในเดือน มกราคม-มีนาคม ของปีถัดไป

ถาม 12 - ผู้มีอำนาจลงนามของ ห้างหุ้นส่วน/ห้างหุ้นส่วนจำกัด ต้องลงนามพร้อมประทับตรา ทุกครั้ง ในนิติกรรมสัญญาต่าง ๆ หรือไม่

ตอบ 12 - สามารถดูเงื่อนไขได้จากหนังสือรับรองนิติบุคคล หากในหนังสือรับรองระบุว่า ต้องลงนามร่วมกัน พร้อมประทับตราสำคัญ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น หรือ หากระบุว่า กรรมการคนใดคนหนึ่งลงนาม พร้อมประทับตราสำคัญก็ต้องตามนั้นเช่นเดียวกัน

ถาม 13 - ตามที่เข้าใจของผม คือ อู่ซ่อมรถ เป็นธุรกิจบริการ ไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ แล้ว หากที่อู่ มีสินค้าวางที่ชั้น เช่น น้ำมันเครื่อง ที่มีไว้สำหรับถ่าย ให้กับลูกค้า มิได้จำหน่ายปลีก อย่างนี้ ต้องจดทะเบียน หรือ ไม่ครับ

ตอบ 13 - ตามระเบียบการจำหน่ายสินค้าตั้งแต่ 20 บาท ขึ้นไปต่อวันและมีสถาที่ประกอบการเป็นหลักแหล่งต้องจดทะเบียนพาณิชย์ สามารถไปจดตามสถานที่ตั้งของผู้ประกอบการเป็นหลัก เช่น ร้านตั้งอยู่เขตจตุจักร ก็ต้องไปจดทะเบียนพาณิชย์ที่ สำนักงานเขตจตุจักร ส่วนปกครอง

ถาม 14 - ถ้าบริษัทจะหยุดดำเนินการชั่วคราว ประมาณ1-2 ปี ทางบริษัทต้องยื่นเอกสารต่อกระทรวงพาณิชย์หรือป่าวค่ะ ขอคำแนะนำด้วยน่ะค่ะ

ตอบ 14 - การหยุดกิจการชั่วคราวต้องแจ้งเรื่องที่กรมสรรพกร เพราะในส่วนทางกรมฯ ถ้ายังไม่พร้อมยกเลิกก็ต้องยื่นงบการเงินประจำปีเข้ามาทุกปี เป็นงบเปล่า ถ้าขาดส่งมิฉะนั้นจะเสียค่าปรับในเรื่องการยื่นงบล่าช้า

ถ – วันที่นิติบุคคลมีอำนาจกระทำการในนามของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นเริ่มเมื่อใด
ต – ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเมื่อได้จดทะเบียนตามขั้นตอนของ ป.พ.พ.แล้วย่อมถือว่าเป็นนิติบุคคลและมีสิทธิหน้าที่ความรับผิดชอบแยกต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้น ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจึงมีสภาพเป็นนิติบุคคลและมีอำนาจทำนิติกรรมได้ ตั้งแต่วันที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นต้นไป

ถ – การเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่จากการเพิ่มทุนของบริษัทจำกัด มีขั้นตอนวิธีดำเนินการอย่างไร
ต – บริษัทต้องดำเนินการตาม ม.1222 แห่ง ป.พ.พ.โดยเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหลายตามส่วนที่ถืออยู่ เมื่อพ้นกำหนดเวลาในการเสนอซื้อหรือผู้ถือหุ้นปฏิเสธไม่รับซื้อหุ้น กรรมการมีสิทธิขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายอื่นหรือจะรับซื้อไว้เองก็ได้ แต่จะเสนอขายให้บุคคลภายนอกไม่ได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการของ ม.1102 ที่ห้ามมิให้ชี้ชวนประชาชนให้ซื้อหุ้นหากกรรมการหรือผู้ถือหุ้นเดิมไม่รับซื้อหุ้นดังกล่าวบริษัทย่อมไม่สามารถจดทะเบียนเพิ่มทุนได้
ถ – บริษัทสามารถกำหนดข้อบังคับว่าในการประชุมคณะกรรมการ กรรมการสามารถมอบฉันทะให้ผู้อื่นเข้าร่วมประชุมกรรมการแทนและผู้รับมอบฉันทะให้นับเป็นองค์ประชุม รวมทั้งมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนได้หรือไม่
ต – บุคคลที่จะได้รับเลือกให้เป็นกรรมการของบริษัทย่อมต้องเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากบรรดาผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถความซื่อสัตย์สุจริตซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวบุคคลนั้น การเป็นกรรมการจึงเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยตนเอง ไม่อาจสอบหมายให้บุคคลอื่นกระทำการในฐานะเป็นกรรมการของบริษัทแทนตนได้ บริษัทจึงไม่สามารถกำหนดข้อบังคับของบริษัทตามที่หารือได้

ถ – ห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ถูกจำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่ไม่ได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว จะยังคงมีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายอยู่หรือไม่และมีวิธีการกลับสู่สภาพเดิมอย่างไร
ต – ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่ถูกจำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนที่ไม่ได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว และนายทะเบียนได้หมายเหตุในหนังสือรับรองว่าเป็นห้าที่ถือเสมือนว่าได้ถูกถอนทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนร้างฯ ตามระเบียบกรมทะเบียนการค้าว่าด้วยการจำแนกห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่ไม่ได้ทำการค้าขายหรือประกอบการงานแล้ว พ.ศ.2545 นั้นยังคงมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย การจำแนกห้างและการหมายเหตุในหนังสือรับรองดังกล่าวมิได้มีผลเป็นการขีดชื่อห้าง ออกจากทะเบียนแต่อย่างใด จึงไม่ต้องดำเนินการใดๆ เพื่อให้ห้างกลับคืนสู่ทะเบียน

ถ – กิจการร่วมค้าที่จะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่จะต้องจดทะเบียนที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือไม่
ต – การจัดตั้งธุรกิจในรูปของกิจการร่วมค้า มิได้มีบทบัญญัติของกฎหมายใดกำหนดให้ต้องจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล แต่ในปัจจุบันมีการจัดตั้งกิจการร่วมค้าใน 2 ลักษณะ คือ
กิจการร่วมค้าในลักษณะของการดำเนินกิจการร่วมกันระหว่างห้างหุ้นส่วนและหรือบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลโดยไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลขึ้นใหม่ กิจการร่วมค้า ลักษณะนี้จึงไม่ได้มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล
กิจการร่วมค้าที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยใช้คำว่ากิจการร่วมค้าประกอบชื่อ ซึ่งกิจการในลักษณะนี้คือ ห้างหุ้นส่วนบริษัทที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลตาม ป.พ.พ.
ถ - สำเนาใบแจ้งยอดบัญชีเงินฝากธนาคาร (BANK STATEMENT) ของสามีที่ภรรยาซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นคนไทยนำมายื่นประกอบคำขอจดทะเบียน สามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงแหล่งที่มาของเงินลงทุนของภรรยา ตามคำสั่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางที่ 102/2549 ได้หรือไม่
ต - การที่ภรรยานำสำเนาใบแจ้งยอดบัญชีธนาคาร (BANK STATEMENT) ของสามีมาเป็นหลักฐานประกอบคำขอจดทะเบียน นั้น ถึงแม้สามีและภรรยาจะเป็นคู่สมรสกัน แต่ผู้มีสิทธิในการเบิกจ่ายเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารดังกล่าวเป็นของสามีเพียงผู้เดียว ดังนั้น จึงไม่ถือว่าเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารของสามี เป็นหลักฐานแสดงแหล่งที่มาของเงินทุนของภรรยาผู้ถือหุ้นคนไทย ตามคำสั่งที่ 102/2549 ข้อ 1
ถ - แจ้งขอยกเลิกการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด เนื่องจากไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานแสดงความยินยอมให้ใช้สถานที่ที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานของห้างฯ ไปแสดงต่อกรมสรรพากรเพื่อขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีและจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้
ต - ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดเหตุเลิกไว้หลายกรณี ในกรณีของห้าง หากเลิกโดยความประสงค์ของผู้เป็นหุ้นส่วนโดยหุ้นส่วนทุกคนตกลงให้เลิกห้างจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หากห้างฯ ประสงค์จะประกอบธุรกิจต่อไป เมื่อหาสถานที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเลิกห้างฯ เพียงแต่ยื่นจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ก็สามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป
ถ - ในการจดทะเบียนนิติบุคคลการระบุสถานที่ตั้งสำนักงานนิติบุคคลจะต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสถานที่ตั้งนั้นหรือไม่ และเป็นไปตามกฎหมายใด
ต - การระบุสถานที่ตั้งของนิติบุคคลในการจดทะเบียนนิติบุคคลเป็นไปตามบทบัญญัติไว้เฉพาะในส่วนของบริษัทจำกัดว่า บริษัทจำกัดต้องมีสำนักงานบอกทะเบียนไว้แห่งหนึ่ง ซึ่งธุรการติดต่อและคำบอกกล่าวทั้งปวงจะส่งถึงบริษัทได้ ณ ที่นั้น ทั้งนี้ บทบัญญัติมาตราดังกล่าวมิได้มีข้อกำหนดว่าบริษัทจำกัดจะต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสถานที่ตั้งนั้น จึงอาจจะได้มาซึ่งสิทธิในการใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานของบริษัทโดยการเช่าหรือได้รับความยินยอมมากเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็ได้

บริษัท ตัวอย่าง จำกัด ประสงค์จะกำหนดสิทธิประโยชน์ในหุ้นบุริมสิทธิที่แตกต่างจากหุ้นสามัญ ดังนี้
ถ1 - ในการจ่ายเงินปันผลคราวใดๆ ในหุ้นบุริมสิทธิมีสิทธิในเงินปันผลที่บริษัทประกาศจ่ายก่อนหุ้นสามัญเป็นจำนวนร้อยละ 10 ของมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิที่ชำระแล้วและหากมีเหลือ
ให้จ่ายแก่หุ้นสามัญเป็นจำนวนเท่าๆ กัน ทั้งนี้หากปรากฏว่าเงินปันผลที่ประกาศจ่ายมีจำนวนไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิที่ชำระแล้วดังกล่าว เงินปันผลทั้งจำนวนให้จ่าย ให้แก่หุ้นบุริมสิทธิเท่านั้น
ต1 - ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1108 (4) ได้กำหนดให้ที่ประชุมตั้งบริษัทวางกำหนดสภาพและบุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิ จึงเทียบเคียงได้ว่า หุ้นบุริมสิทธิจะมีสภาพ
และบุริมสิทธิของหุ้นบุริมสิทธิ จึงเทียบเคียงได้ว่า หุ้นบุริมสิทธิจะมีสภาพและบุริมสิทธิจะมีสภาพและบุริมสิทธิแห่งหุ้นเป็นอย่างไร จะต้องกำหนดโดยที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น
แต่ทั้งนี้ข้อกำหนดสิทธิและสภาพดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น เมื่อมีประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้กำหนดข้อบังคับ ในเรื่องสิทธิเกี่ยวกับการจ่ายเงินปันผลการได้รับเงินคืน เมื่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้เลิกบริษัทและชำระบัญชี และการออกเสียงลงคะแนนไว้ตามที่แจ้งมาโดยไม่ขัดต่อกฎหมายหรือ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนก็สามารถกระทำได้

ถ2 - ในกรณีที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้เลิกบริษัทและชำระบัญชี ให้หุ้นบุริมสิทธิได้รับคืนเงินค่าหุ้นที่ชำระแล้วก่อนหุ้นสามัญหากปรากฏว่ายังมีสินทรัพย์ของบริษัทเหลืออยู่หลังจากการคืน เงินค่าหุ้นแก่หุ้นบุริมสิทธิแล้วให้นำทรัพย์สินที่เหลืออยู่ทั้งหมดเฉลี่ยคนให้แก่หุ้นสามัญเป็นจำนวนเท่าๆ กัน
ต2 - มีความเห็นเช่นเดียวกัน ตาม1

ถ3 - ในการกำหนดจ่ายเงินปันผลในกรณีต่างๆ ดังต่อไปนี้ บริษัทฯ สามารถกระทำได้หรือไม่ โดยไม่ขัดกับข้อบังคับของบริษัทฯ ตามที่กำหนดไว้ข้างต้น ข้อเท็จจริงบริษัทมีทุน 1 ล้านบาทแบ่งเป็นหุ้นบุริมสิทธิ 100 หุ้น หุ้นสามัญ 900 หุ้น ราคาหุ้นละ 1,000 บาท ชำระแล้วหุ้นละ 500 บาท รวมทุนชำระแล้ว 500,000 บาท
กรณีที่ 1 หากปรากฏว่าบริษัทมีมติประกาศจ่ายเงินปันผลจำนวน 4,500บาท ซึ่งจำนวนร้อยละ 10 ของมูลค่าหุ้นบุริมสิทธิชำระแล้วในกรณีนี้คิดเป็นมูลค่า 5,000 บาท ดังนั้น เงินปันผลทั้งหมดจะต้องจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิเท่านั้นเป็นจำนวนหุ้นละ 4.50 บาท ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นสามัญจะไม่ได้รับเงินปันผลเลย
กรณีที่ 2 หากบริษัทมีมติประกาศจ่ายเงินปันผลจำนวน 95,000 บาท บริษัทจะต้องจ่ายเงินปันผลจำนวน 5,000 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิก่อนส่วนที่เหลืออีก 90,000 บาท จึงจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเป็นจำนวนเท่าๆ กันคือ 100 บาทต่อหุ้น
กรณีที่ 3 หากในกรณีที่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิต้องการจะโอนหุ้นบุริมสิทธิต้องการจะโอนหุ้นของตนให้แก่ผู้อื่น และก่อนการโอนหุ้นดังกล่าวบริษัทมีมติประกาศจ่ายเงินปันผลจากเงินกำไรสะสมทั้งหมดของบริษัทดังนี้ บริษัทจะต้องจ่ายเงินปันผลจำนวน 5,000 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิก่อนและหากยังคงมีเงินกำไรสะสมเหลืออยู่ให้นำมาเฉลี่ยจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเป็นจำนวนเท่าๆ กัน

ต3 - การจ่ายเงินปันผลในกรณีต่างๆ โดยไม่ขัดกับข้อบังคับตามที่กำหนดไว้นั้น ตามกรณีที่ 1 และกรณีที่ 2 สามารถกระทำได้ส่วนในกรณีที่ 3 เนื่องจากมีรายละเอียดไม่ชัดเจน จึงไม่สามารถทำการวินิจฉัยได้

ถ - บริษัทจำกัดจะกำหนดข้อบังคับในการส่งหนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้นไว้แตกต่างจากบทบัญญัติของกฎหมายรวมทั้งจะสามารถปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัทที่ได้กำหนด ไว้เดิมได้หรือไม่ นอกจากนี้สามารถกำหนดแนวทางการดำเนินการอื่นแทนลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ได้หรือไม่
ต - ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1175 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 18) พ.ศ.2551 มิได้มีบทยกเว้นให้บริษัทกำหนดข้อบังคับชัดกับบทบัญญัติของกฎหมายได้ แต่เป็นบทบังคับบริษัทจำกัดในการส่งหนังสือเรียกประชุมผู้ถือหุ้นทุกคนที่มีชื่อในสมุดทะเบียนของบริษัทไปรษณีย์ตอบรับก่อนวันที่ประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน เว้นแต่เป็นคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่เพื่อลงมติพิเศษให้กระทำการดังว่านั้น ก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่าสิบสี่วัน ดังนั้น บริษัทจึงไม่สามารถปฏิบัติตามข้อบังคับเดิมของบริษัทที่ขัดกับพระราชบัญญัตินี้ได้อีกต่อไป และไม่สามารถดำเนินการอื่นแทนการลงพิมพ์โฆษณาคำบอกกล่าวเรียกประชุมในหนังสือพิมพ์ได้

 
Q&A - อื่น(ไม่เกี่ยวกับจดทะเบียนบริษัท)
ถ – ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่มีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท สินทรัพย์รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท และรายได้รวมไม่เกิน 30 ล้านบาท จะได้รับยกเว้นตามกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้นไม่ต้องจัดให้งบการเงินได้รับการตรวจสอบและแสดงความคิดเห็น โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พ.ศ.2544 หรือไม่
ต – ป.พ.พ. ม.1255 กำหนดให้กรณีการเลิกห้างหุ้นส่วนและบริษัทผู้ชำระบัญชี ต้องจัดทำงบดุลขึ้นโดยเร็วที่สุดส่งให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบลงสำคัญว่าถูกต้อง การที่ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนได้เลิกกันแล้วผู้ชำระบัญชีย่อมมีหน้าที่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎหมายโดยไม่สามารถยกเว้นได้ สำหรับการยกเว้นตามกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้นไม่ต้องจัดให้งบการเงินได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต พ.ศ.2544 นั้นให้ใช้บังคับสำหรับการจัดทำงบการเงินประจำปีเท่านั้น
ถ – การยื่นงบ ณ วันเลิกกิจการตาม ม.1255 แห่ง ป.พ.พ. ครอบคลุมถึงงบใดบ้าง
ต – งบดุล ณ วันเลิกกิจการต้องมีรายการย่อแสดงจำนวนสินทรัพย์และหนี้สินกับทั้งบัญชีกำไรและขาดทุนตาม ป.พ.พ. ม.1255 ประกอบ ม.1196 แต่การจัดส่งงบดุล ณ วันเลิกกิจการเพื่อเป็นเอกสารประกอบรายการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนและบริษัท ตามระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางว่าด้วยการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัท พ.ศ.2538 ต้องส่งงบใดบ้าง ต้องพิจารณาจากรายงานการตรวจสอบและแสดงความคิดเห็นของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตที่ลงสำคัญว่าถูกต้องในงบดุลดังกล่าวประกอบด้วย
ถ – บริษัทสามารถใช้วีดีโอเทปเป็นหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณาคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการและอำนาจกรรมการของบริษัทได้หรือไม่
ต – ระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางว่าด้วยการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท พ.ศ. 2538 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความใน ม.1019 แห่ง ป.พ.พ.
ไม่ปรากฏว่า มีการระบุให้วีดีโอเทปเป็นเอกสารทะเบียนจะต้องนำมาพิจารณา และเมื่อเทียบเคียงกับข้อ 66(1) – (5) ของระเบียบดังกล่าว ซึ่งกำหนดหลักฐาน
ประกอบคำขอจดทะเบียนเพิ่มเติมจากกรณีปกติสำหรับคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมบริษัทที่มีการคัดค้านในเรื่องการลงชื่อของกรรมการและคำขอจดทะเบียนแก้ไข
เพิ่มเติมกรรมการและหรืออำนาจกรรมการที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องในเรื่องการลงชื่อของกรรมการก็ไม่ปรากฏว่ามีการระบุให้วีดีโอเทปเป็นหลักฐานประกอบคำขอจดทะเบียน
ที่นายทะเบียนจะต้องนำมาพิจารณา บริษัทจึงไม่สามารถนำวีดีโอเทปมาใช้เป็นเอกสารหรือหลักฐานประกอบคำขอจดทะเบียน

ถ – การประกอบกิจการลิซซิ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายฉบับใดหรือไม่
ต – ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกรม มีเฉพาะประเด็นการประกอบกิจการตามวัตถุประสงค์ของบริษัท ซึ่งจากการตรวจสอบปรากฏว่าบริษัทได้มีการจดทะเบียนวัตถุที่ประสงค์ในเรื่อง “การให้กู้ยืมเงินหรือให้เครดิตด้วยวิธีการอย่างอื่นโดยจะมีหลักประกันหรือไม่ก็ตาม” และ “การให้บริการซื้อขายสินค้าด้วยเงินผ่อน ให้บริการสินเชื่อให้บริการแบบแฟ็คเตอริ่งและให้บริการแบบลิซซิ่ง” ซึ่งแม้บริษัทจะมีการประกอบกิจการนอกขอบวัตถุประสงค์ของบริษัท ก็ไม่ถือเป็นความผิดต่อกฎหมายเพียงแต่ผลของการประกอบกิจการนอกขอบวัตถุประสงค์ย่อมผูกพันกรรมการในฐานะส่วนตัวโดยไม่ผูกพันบริษัทแต่อย่างใด
สำหรับทุนจดทะเบียนตาม ป.พ.พ.ไม่มีบทบัญญัติใดกำหนดจำนวนทุนจดทะเบียนสำหรับการประกอบกิจการแต่ละประเภทไว้ จึงต้องพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจประเภทนั้นๆ โดยตรง

ถ – กรณีมีการเลิกบริษัทจำกัดเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย บุคคลใดจะเป็นผู้ชำระบัญชีและต้องดำเนินการอย่างไร
ต – ตาม ป.พ.พ.ม.1251 กำหนดให้บริษัทจำกัดเมื่อเลิกกันเพราะเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย กรรมการของบริษัทย่อมเข้าเป็นผู้ชำระบัญชี เว้นไว้แต่ข้อบังคับของบริษัทจะมีกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น กรรมการทุกคนของบริษัทย่อมเข้าเป็นผู้ชำระบัญชีโดยไม่ต้องได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และกรณี ม.1256 ประกอบกับ ม.1257 กำหนดให้ที่ประชุมใหญ่รับรองให้กรรมการบริษัทคงเป็นผู้ชำระบัญชีต่อไปหรือเลือกตั้งผู้ชำระบัญชีใหม่ขึ้นแทนที่ผู้ชำระบัญชีของบริษัทที่ตั้งจากกรรมการบริษัทตาม ม.1251
ในการจดทะเบียนเลิกบริษัทตาม ม.1254 หากบริษัทมีผู้ชำระบัญชีหลายคน ผู้ชำระบัญชีทุกคนต้องลงลายมือชื่อในแบบการจดทะเบียนเลิก (แบบ ลช.2) ส่วนในแบบคำขอจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชี ( แบบ ลช.1) ให้ผู้ชำระบัญชีคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียวเป็นผู้ลงลายมือชื่อทั้งนี้การทำนิติกรรมใดๆ ของผู้ชำระบัญชีอันเกี่ยวเนื่องกับการชำระบัญชีต้องเป็นไปตามอำนาจกรรมการเดิมของบริษัทตาม ม.1252
ภายหลังจากที่บริษัทได้เลิกกันแล้ว หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทได้ลงมติกำหนดอำนาจของผู้ชำระบัญชีย่อมต้องเป็นไปตามมติของที่ประชุม และต้องนำความมาจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ลงมติตาม ม.1262
ถ – บริษัทจำกัดมีความประสงค์เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นอย่างอื่น และเมื่อเปลี่ยนชื่อแล้วบริษัทที่มีชื่อใหม่สามารถใช้ผลงานของบริษัทเดิมได้หรือไม่
ต – ตาม ป.พ.พ.ม.66 กำหนดว่านิติบุคคลย่อมมีสิทธิและหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ หรือกฎหมายอื่นภายในขอบอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ข้อบังคับ หรือ ตราสารจัดตั้ง แม้ชื่อบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไปก็ไม่มีผลต่อสิทธิและหน้าที่ของนิติบุคคลดังกล่าว บริษัทที่มีชื่อใหม่ก็ยังมีสิทธิใช้ผลงานของบริษัทชื่อเดิมได้
ถ – บริษัทจำกัดได้จัดประชุมสามัญประจำปีไปแล้ว แต่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถนำเสนองบดุลเพื่ออนุมัติในการประชุมครั้งนั้นได้ ต่อมาบริษัทได้มีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติงบดุลดังกล่าว การประชุมครั้งหลังนี้เป็นการประชุมประเภทใด
ต – การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งหลังเพื่ออนุมัติงบดุล ซึ่งตาม ป.พ.พ.ม.1214 กำหนดให้งบดุลยื่นต่อที่ประชุมสามัญ ดังนั้น การประชุมครั้งหลังนี้จึงเป็นการประชุมสามัญ
ถ – บริษัทจะดำเนินการจดทะเบียนลดทุนเพื่อคืนเงินทุนและเงินส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่เหลือจากการสมทบเข้าในทุนสำรองตามกฎหมายแล้ว ให้ผู้ถือหุ้นได้หรือไม่
ต – ผู้ถือหุ้นมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในทรัพย์สินของบริษัทก็แต่โดยการรับเงินปันผล ซึ่งจ่ายจากเงินกำไรของบริษัทตาม ป.พ.พ. ม.1200 และ ม.1201 หรือได้รับคืนเงินทุนตามส่วนที่ลดลงกรณีบริษัทลดทุนจดทะเบียนและมีเงินทุนเหลือเพียงพอ ตาม ม.1224 นอกจากนี้จะมีสิทธิได้รับต่อเมื่อมีการเลิกบริษัท และชำระบัญชีเสร็จสิ้นแล้ว สำหรับเงินส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่บริษัทได้มาจากการขายหุ้นที่จดทะเบียน ซึ่งไม่ใช่เป็นเงินทุนหรือผลกำไรจากการดำเนินกิจการของบริษัท ตราบใดที่บริษัทยังไม่เลิกกันเงินส่วนเกินมูลค่าหุ้นดังกล่าวจึงมิใช่ทรัพย์สินที่ผู้ถือหุ้นจะพึงได้รับจากบริษัท

ถ – การพ้นจากการเป็นผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจะกระทำได้โดยวิธีใดบ้างและสามารถตรวจสอบได้จากเอกสารหรือหลักฐานใด

กรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจะพ้นจากการมีอำนาจดังกล่าวโดยการบอกเลิกการเป็นกรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการซึ่งมีผลทันที
เมื่อได้แสดงเจตนาแก่บริษัทหรือหุ้นส่วนอื่น แต่จะมีผลผูกพันบุคคลภายนอกเมื่อได้มีการจดทะเบียนต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทแล้วหรืออีกวิธีหนึ่งโดยการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง
กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัทตามมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น เอกสารหลักฐานที่สามารถใช้ตรวจสอบว่ากรรมการหรือหุ้นส่วนผู้จัดการไม่มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัทหรือ
ห้างหุ้นส่วนได้แก่ หลักฐานที่แสดงการลาออกต่อบริษัทหรือหุ้นส่วนอื่น และในกรณีที่มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงแล้ว สามารถตรวจสอบการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพัน
บริษัทหรือหุ้นส่วนผู้จัดการได้จากหนังสือรับรองรายการจดทะเบียนที่ออกโดยสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท

ถ – การออกจากการเป็นหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดต้องดำเนินการอย่างไร
ต – การออกจากการเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องมีการตกลงร่วมกันระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนให้ผู้เป็นหุ้นส่วนที่มีความประสงค์
จะออกจากการเป็นหุ้นส่วนออกจากการเป็นหุ้นส่วนได้และหุ้นส่วนผู้จัดการต้องนำความดังกล่าวไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงผู้เป็นหุ้นส่วน จึงจะทำให้การลาออกมีผลต่อบุคคลทั่วไป
ถ – การลาออกจากตำแหน่งกรรมการของบริษัท
ต – การลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทมีผลเมื่อกรรมการได้ยื่นใบลาออกต่อบริษัทตาม ป.พ.พ. ม.1167 ประกอบกับ ม.826 และมาตรา 827 แต่ทั้งนี้การลาออกยังไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอกจนกว่าบริษัท ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการต่อนายทะเบียนแล้ว

ถ – หุ้นส่วนผู้จัดการคนเดิมสามารถทำบันทึกข้อตกลงโอนความรับผิดชอบที่จะมีขึ้นภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ออกจากห้างหุ้นส่วนจำกัดให้กับหุ้นส่วนผู้จัดการคนใหม่ได้หรือไม่
ต – บทบัญญัติใน ม.1068 แห่ง ป.พ.พ.เป็นบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของบุคคลภายนอก แม้คู่สัญญาจะตกลงโอนความรับผิดชอบกันอันเป็นเรื่องระหว่างคู่สัญญา แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก ย่อมไม่มีผลทำให้ผู้เป็นหุ้นส่วนที่ออกจากหุ้นส่วนและหุ้นส่วนผู้จัดการนั้นหลุดพ้นจากความรับผิดตาม ม.1068 แห่ง ป.พ.พ.แต่อย่างใด

ถ – หนังสือรับรองข้อมูลส่วนบุคคลขณะขอมีบัตรประจำตัวประชาขนสามารถใช้แทนสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนในการยื่นคำขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิได้หรือไม่
ต – ระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางว่าด้วยการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัท พ.ศ.2538 ข้อ 11 กำหนดไว้ว่า ในกรณีที่จะต้องนำบัตรประจำตัวไปแสดงต่อนายทะเบียน บัตรประจำตัวให้หมายถึง บัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวข้าราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หนังสือเดินทางเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือ ใบรับคำขอมีบัตรประจำตัวประชาชนที่ยังไม่หมดอายุ ซึ่งหนังสือรับรองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นการคัดและรับรองสำเนารายการเกี่ยวกับบัตรประชาชนตาม ม.10 แห่ง พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ.2526 ซึ่งผู้ถือบัตรและผู้มีส่วนได้เสียสามารถขอตรวจค้นหลักฐานหรือคัดสำเนาพร้อมคำรับรองรายการบัตรได้ หนังสือรับรองข้อมูลส่วนบุคคลจึงไม่อยู่ในความหมายของบัตรประจำตัวตามระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางฯ ข้อ 11 แต่อย่างใด

ถ – นายทะเบียนได้จดทะเบียนและคัดชื่อโจทก์ออกจากการเป็นกรรมการบริษัทตามคำพิพากษาของศาลแต่ไม่ได้จดทะเบียนและคัดชื่อโจทก์ออกจากการ
เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท โดยให้เหตุผลว่าเกินคำพิพากษาของศาล โจทก์ได้มีหนังสือให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการจดทะเบียนคัดชื่อโจทก์ ออกจากการเป็น
กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทด้วย นายทะเบียนต้องดำเนินการ จดทะเบียนแก้ไขอำนาจกรรมการให้โจทก์ออกจากการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันหรือไม่
ต – การจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงตามคำพิพากษาของศาลควรพิจารณาโดยเคร่งครัดมิให้เกินไปจากคำพิพากษาของศาล การจดทะเบียนโจทก์ออกจาก
กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัท มีผลทำให้บริษัทไม่มีผู้มีอำนาจกระทำการแทน ซึ่งจะขัดกับ ป.พ.พ.ม.70 ประกอบ ม.1111 อย่างไรก็ตามแม้นายทะเบียน
จะไม่จดทะเบียนโจทก์ออกจากกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพัน บริษัทก็ตาม การออกจากกรรมการของโจทก์มีผลทำให้บริษัทไม่มีผู้มีอำนาจกระทำการแทน
จึงควรแจ้งให้บริษัทดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัทและเพื่อคุ้มครองประโยชน์ผู้ที่เกี่ยวข้องควรหมายเหตุไว้ในหนังสือรับรอง
ของบริษัทให้ทราบโดยทั่วกันว่า โจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อผูกพันบริษัทเนื่องจากพ้นจากการเป็นกรรมการของบริษัท ตามคำพิพากษาของศาลแล้ว

ถ – นายทะเบียนต้องดำเนินการจดทะเบียนแก้ไขอำนาจกรรมการให้ออกจากการเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อผูกพันหรือไม่บริษัทที่ถูกขีดชื่ออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้างตาม ป.พ.พ. ม.1246 ยังมีสภาพเป็นนิติบุคคลอยู่หรือไม่ และเจ้าหนี้ของบริษัทยังสามารถฟ้องบริษัทได้หรือไม่
ต –
บริษัทที่ถูกนายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียนเป็นอันเลิกกันตั้งแต่ลงประกาศแจ้งความในราชกิจจานุเบกษาตาม ป.พ.พ.ม.1246(5) และทำให้เจ้าหนี้ไม่สามารถฟ้องบริษัทที่ไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนนั้นได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหนี้ของบริษัทที่ต้องเสียหายและไม่เป็นธรรม เนื่องจากการขีดชื่อบริษัทของนายทะเบียนดังกล่าวสามารถยื่นคำร้องขอต่อศาล เพื่อขอให้ศาลสั่งให้นายทะเบียนกลับจดชื่อบริษัทคืนเข้าสู่ทะเบียนได้ตาม ป.พ.พ.ม.1246(6) และเมื่อศาลสั่งและนายทะเบียนกลับจดชื่อบริษัทคืนสู่ทะเบียนแล้วเจ้าหนี้ก็สามารถที่จะฟ้องบริษัทได้ต่อไป

ถ – นายทะเบียนจะรับจดทะเบียนคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เป็นหุ้นส่วนและเงินลงหุ้น โดยใช้คำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของหุ้นส่วนได้หรือไม่
ต – เมื่อคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความกำหนดว่าหากจำเลยไม่โอนหุ้นตามสัดส่วนที่กำหนด ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์ย่อมดำเนินการทางทะเบียนเพื่อปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาในการจดทะเบียนได้

ถ - การตรวจสอบชื่อผู้เสนอราคาควรตรวจสอบจากหนังสือบริคณห์สนธิหรือบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5)
ต - การตรวจสอบการมีผลประโยชน์ร่วมกันด้านความสัมพันธ์กันในเชิงทุนของผู้เสนอราคาแต่ละรายควรตรวจสอบจากบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นเนื่องจากหนังสือบริคณห์สนธิ
เป็นกรายการที่ผู้เริ่มก่อการยื่นจดทะเบียนไว้ก่อนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทซึ่งเมื่อตั้งบริษัทแล้วผู้ถือหุ้นอาจมีการโอนหุ้นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมข้อมูลตามหนังสือ
บริคณห์สนธิจึงไม่ใช้ข้อมูลการถือครองหุ้นในปัจจุบัน

ถ - บริษัทมีเงินทุนสำรองเกินกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนดบริษัทสามารถนำเงินทุนสำรองส่วนที่เกินนี้มาใช้จ่ายเพื่อวัตถุประสงค์อื่นของบริษัทได้หรือไม่ หรือในกรณีที่ข้อบังคับของบริษัทกำหนดให้กันเงินสำรองไว้เกินกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนด บริษัทจะแก้ไขข้อบังคับให้นำเงินทุนสำรองส่วนที่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดมาใช้ ตลอดจนนำมาจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้หรือไม่
บริษัทมีเงินทุนสำรองครบตามที่กฎหมายกำหนดต่อมามีการลดทุนแล้วเงินทุนสำรองของบริษัทมีจำนวนเกินกว่าร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียน บริษัทจะนำเงินทุนสำรองส่วนที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นของบริษัท รวมถึงนำมาจ่ายเป็นเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้หรือไม่

ต – เมื่อบริษัทจัดสรรเงินไว้เป็นทุนสำรองแล้วบริษัทต้องคงทุนสำรองไว้จนกว่าจะเลิกบริษัท แต่ทั้งนี้บริษัทสามารถนำเงินทุนสำรองดังกล่าวไปใช้จ่ายในกิจการของบริษัทได้ เว้นแต่การนำไปจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเงินปันผลกฎหมายกำหนดให้จ่ายจากกำไรเท่านั้น

ถ – การออกเช็คคืนเงินหลักประกันให้แก่บริษัทที่จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีแล้ว จะมีแนวทางแก้ไขอย่างไร
ต – บริษัทที่ได้จดทะเบียนเลิกและจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีแล้วย่อมถือเป็นที่สุดแห่งการชำระบัญชีรวมทั้งบริษัทย่อมสิ้นสภาพความเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายนับ

แต่วันที่ได้จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี หากผู้ชำระบัญชีเป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนเลิกและชำระบัญชีโดยบกพร่องผิดพลาดเองและทำให้ผู้ถือหุ้นเสียหาย ู้ถือหุ้นน่าจะสามารถฟ้องผู้ชำระบัญชีเป็นคดีแพ่งในความผิดฐานละเมิดเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย หรือผู้ถือหุ้นอาจจะฟ้องเพื่อให้ศาลพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนชำระบัญชีที่ไม่ถูกต้องนั้น

ถ – กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทเป็นบุคคลล้มละลายจะสามารถลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการบริษัทได้หรือไม่
ต – ระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางว่าด้วยการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัท พ.ศ.2538 ข้อ 65 กำหนดให้คำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมบริษัทต้องลงชื่อโดยกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนบริษัทตามที่จดทะเบียนไว้เดิม ซึ่งอาจรวมถึงกรรมการผู้มีอำนาจที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้วด้วยนั้น ต้องเป็นกรณีที่การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการเดิมยังไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอกเนื่องจากยังไม่นำความมาจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงเท่านั้น เช่น กรณีลาออกหรือที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้ออก เป็นต้น แต่กรณีกรรมการล้มละลาย ซึ่งต้องขาดจากตำแหน่งตาม ป.พ.พ.ม.1154 เป็นการพ้นจากตำแหน่งโดยผลของกฎหมาย ซึ่งมีผลให้กรรมการไม่มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทอีกต่อไป รวมทั้งมีผลผูกพันบุคคลภายนอกทันที แม้จะยังไม่มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการก็ตาม ดังนั้นกรณีนี้กรรมการไม่มีอำนาจลงชื่อในคำขอจดทะเบียนและไม่สามารถนำระเบียบฯ ข้อ65 มาใช้ได้

ถ – บริษัทมีภาระผูกพันตามสัญญาที่มีอยู่ก่อนการจดทะเบียนเลิกบริษัท ผู้ชำระบัญชีจะสามารถกระทำตามภาระผูกพันนั้นได้หรือไม่
ต – เมื่อบริษัทเลิกกันให้มีการชำระบัญชีและผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่ชำระสะสางการงานของบริษัทให้เสร็จไปกับมีอำนาจดำเนินการกิจการของบริษัทตาม
ความจำเป็นเพื่อให้เสร็จไปด้วยดี ตาม ม.1250 และ ม.1259 ดังนั้น การที่บริษัทมีภาระผูกพันตามสัญญาที่ทำไว้ก่อนเลิกบริษัทผู้ชำระบัญชีพึงปฏิบัติตาม
ภาระผูกพันดังกล่าว เพื่อมิให้บริษัทต้องเสียหายและเพื่อชำระสะสางกิจการของบริษัทให้เสร็จสิ้นไป

ถ – เจ้าพนักงานบังคับคดีได้จ้างการยึดหุ้นของบริษัทตามคดีของศาลแพ่ง และขอให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทระงับการจำหน่ายจ่ายโอนหรือทำการก่อให้เกิดภาระผูกพันใดๆ อันเกี่ยวกับหุ้นได้หรือไม่
ต – นายทะเบียนไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่จะดำเนินการระงับการจำหน่ายจ่ายโอน หรือระงับการทำการก่อให้เกิดภาระผูกพันใดๆ อันเกี่ยวกับหุ้นของบริษัทที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้จ้างการยึดหุ้นตามคำสั่งของศาลได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับหุ้นและผู้ถือหุ้นเป็นเรื่องระหว่างผู้ถือหุ้นและบริษัทที่จะต้องดำเนินการกันเอง ส่วนบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่นายทะเบียนเก็บรักษาไว้ที่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทเป็นเพียงสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ที่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ทั้งหมดในเวลาประชุมสามัญ ซึ่งกรรมการบริษัทมีหน้าที่จัดส่งให้นายทะเบียนเป็นหลักฐานอย่างน้อยปีละครั้งตาม ป.พ.พ. ม.1139 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นหรือบุคคลทั่วไป สามารถตรวจสอบหรือคัดสำเนาได้เท่านั้น

ถ –
เจ้าหนี้มีหนังสือถึงนายทะเบียนคัดค้านการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี แต่เจ้าหน้าที่มิได้หมายเหตุการณ์คัดค้านไว้เนื่องจากมิใช่เป็นหนี้ค้างชำระภาษีหรือค่าฤชาธรรมเนียม
ซึ่งต่อมานายทะเบียนได้รับจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี เจ้าหนี้จึงได้มีหนังสือถึงนายทะเบียนขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีนายทะเบียนจะต้องเพิกถอน
การจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีหรือไม่
ต – เมื่อเจ้าหนี้มีหนังสือคัดค้านการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีและเจ้าหน้าที่ไม่ได้หมายเหตุการณ์คัดค้านไว้เนื่องจากมิใช่เป็นกรณีการค้างชำระภาษีหรือค่าฤชาธรรมเนียม
ตามข้อ 78 ของระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางว่าด้วยการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัท พ.ศ.2538 แต่หากข้อเท็จจริงในเรื่องคำคัดค้านของเจ้าหนี้ปรากฏ
ต่อนายทะเบียน นายทะเบียนก็ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.วิ.ปกครอง พ.ศ.2539 ม.29 ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามคำคัดค้านให้ได้ข้อยุติก่อนว่าได้มีการชำระหนี้ตามมูลหนี้
แล้วหรือไม่ และเมื่อผู้ชำระบัญชีได้รับหนังสือแจ้งการคัดค้านของเจ้าหนี้จากนายทะเบียนแล้วแต่มิได้โต้แย้ง หรือแสดงหลักฐานการชำระหนี้ข้อเท็จจริงจึงไม่เป็นที่ยุติว่าได้มี
การชำระหนี้แล้วหรือไม่ แม้นายทะเบียนจะรับจดทะเบียนโดยถูกต้องตาม พ.ร.บ.วิ.ปกครอง พ.ศ.2539 เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม สมควรที่จะเพิกถอนคำขอจด
ทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี

ถ – บริษัทจะลดทุนและนำทุนจดทะเบียนที่ลดลงไปตัดขาดทุนสะสมได้หรือไม่
ต – การลดทุนของบริษัทเพื่อนำไปตัดขาดทุนสะสมไม่ได้มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วนและบริษัทโดยตรงจึงเป็นเรื่องทางบัญชี ซึ่งหารือกับฝ่ายบัญชีแล้วเห็นว่า การลดทุนเพื่อตัดขาดทุนสะสมสามารถทำได้ แต่จำนวนทุนที่จะนำไปตัดขาดทุนต้องเป็นทุนที่ชำระแล้ว และดำเนินการตามหลักการบัญชีทั่วไปและมาตรฐานการบัญชี รวมทั้งได้รับความเห็นชอบโดยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วย

ถ – ผู้แทนห้างชั่วคราวที่ศาลมีคำสั่งตั้งจะมีอำนาจยื่นขอจดทะเบียนเหมือนหุ้นส่วนผู้จัดการหรือไม่
ต – กรณีที่ศาลมีคำสั่งตั้งผู้แทนห้างชั่วคราวจนกว่าห้างจะตั้งหุ้นส่วนผู้จัดการตาม ป.พ.พ.ม.73 ซึ่งมาตราดังกล่าวไม่ได้บัญญัติกำหนดหรือจำกัดอำนาจหน้าที่ของผู้แทนห้างชั่วคราวจึงมีอำนาจและหน้าที่ในการดำเนินกิจการต่างๆ ของห้างในฐานะผู้แทนนิติบุคคลเช่นเดียวกับหุ้นส่วนผู้จัดการทุกประการ ซึ่งรวมทั้งการลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียนด้วย

ถ – การติดตามเงินคืนค่าหุ้นจากบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีแล้ว จะดำเนินการอย่างไร
ต – ผู้ถือหุ้นที่ยังไม่ได้รับคืนทรัพย์สินที่แบ่งคืนอันเนื่องมาจากการเลิกบริษัทชอบที่จะใช้สิทธิติดตามทรัพย์สินคืนจากผู้ชำระบัญชี รวมทั้งใช้สิทธิในทางศาลต่อไป

ถ – กรณีนายทะเบียนมีคำสั่งขีดชื่อบริษัทออกจากทะเบียนโดยก่อนออกคำสั่งมีหน่วยงานราชการได้มีหนังสือขอให้ระงับการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี
และการขีดชื่อออกจากทะเบียน จะถือว่าการออกคำสั่งขีดชื่อบริษัทดังกล่าว ขัดต่อระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางว่าด้วยการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน
และบริษัท พ.ศ.2538 ข้อ 82 ที่จะถือว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และต้องมีการเพิกถอนคำสั่งหรือไม่
ต – ตามระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทฯ ข้อ 82 ว.3 กำหนดไว้ว่าหากมีส่วนราชการใดมีหนังสือขอให้ระงับการถอนทะเบียนร้างไว้ให้นายทะเบียน
พิจารณาระงับการถอนทะเบียนร้างนั้น และกรมได้วางแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับระยะเวลาในการขอระงับไว้โดยให้ระงับครั้งละไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันที่ลง
ในหนังสือ หากประสงค์จะขอระงับต่อก็ขอให้มีหนังสือแจ้งขอระงับต่อไปอีก และเมื่อพ้นกำหนดระยะ เวลาดังกล่าวแล้ว กรมจะดำเนินการตามระเบียบต่อไป
กรณีดังกล่าวเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 6 เดือนแล้ว ถ้ามิได้มีการแจ้งขอระงับอีก และนายทะเบียนได้มีคำสั่งขีดชื่อบริษัทออกจากทะเบียนโดยได้ปฏิบัติตาม
หลักเกณฑ์ใน ป.พ.พ. ม.1246 (1)-(5) และระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทฯ พ.ศ.2538 ข้อ 82 ว.3 ครบถ้วนแล้ว คำสั่งดังกล่าวก็เป็นคำสั่งที่ชอบด้วย
กฎหมายและระเบียบปฏิบัติไม่ต้องเพิกถอนคำสั่ง


ถ - ทายาทโดยพินัยกรรมซึ่งเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกหุ้นในบริษัทเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท สามารถใช้สิทธิร้องขอให้ตรวจการงานของบริษัทตาม ป.พ.พ. ม.1215 โดยที่ยังไม่ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงทะเบียนผู้ถือหุ้นได้หรือไม่
ต - หุ้นและสิทธิหุ้นนั้นเป็นทรัพย์มรดก ซึ่งเป็นเจ้ามรดกย่อมตกมาเป็นของทายาททันที ตามป.พ.พ. ม.1599 และ ม.1600 ซึ่งทายาทสามารถใช้สิทธิในหุ้นนั้นได้ทันทีแม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้จดทะเบียนทายาทเป็นผู้ถือหุ้นก็ตาม เทียบเคียงได้กับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2510 ดังนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นทายาทโดยพินัยกรรมจึงใช้สิทธิในหุ้นเพื่อร้องขอให้ตรวจการงานของบริษัทได้

ถ - การเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษของบริษัทจำเป็นต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติพิเศษในการแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 1 ในเรื่องชื่อภาษาอังกฤษของบริษัทหรือไม่
ต - การเปลี่ยนแปลงชื่อภาษาอังกฤษของบริษัทที่ระบุในหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 1 ไม่ต้องมีการลงมติพิเศษเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิรายการดังกล่าวเพราะชื่อภาษาต่างประเทศไม่ถือว่าเป็นชื่อจดทะเบียน แต่หากบริษัทประสงค์จะให้การเปลี่ยนชื่อดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อสาธารณะชน สามารถดำเนินการได้โดยทำหนังสือแจ้งนายทะเลียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงชื่อภาษาอังกฤษของบริษัท หรือจะยื่นคำขอจดทะเบียนรายกาอย่างอื่นซึ่งเห็นสมควรจะให้ประชาชนทราบก็ได้
ถ - กรณีผู้สอบบัญชีเคยเป็นผู้ชำระบัญชีของนิติบุคคล สามารถจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีได้หรือไม่
ต - การจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชี กรณีเป็นผู้สอบบัญชีเคยเป็นผู้ชำระบัญชีของนิติบุคคลนั้นหากข้อเท็จจริงในขณะที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สอบบัญชีบุคคลนั้นได้พันจากตำแหน่ง ผู้ชำระบัญชีของนิติบุคคลนั้นแล้วก็ไม่ขัดต่อกฎหมายแต่ประการใด

ถ – กรณีกรรมการผู้มีอำนาจและเป็นผู้ถือหุ้นถึงแก่กรรม ได้ทำพินัยกรรมไว้แต่พินัยกรรมดังกล่าวยังมีปัญหาข้อโต้แย้งเกี่ยวกับมรดก ซึ่งคดียังไม่มีข้อยุติ บริษัทสามารถนำมติที่ประชุมมาขอจดทะเบียนแก้ไขกรรมการและอำนาจกรรมการได้หรือไม่
ต – ทรัพย์มรดกซึ่งเป็นหุ้นในบริษัทของเจ้ามรดกซึ่งเป็นหุ้นบริษัทของเจ้ามรดกผู้ตายได้ทำพินัยกรรมไว้ แต่พินัยกรรมดังกล่าวยังมีปัญหาข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการตั้งผู้จัดการมรดกและการจัดการมรดก ซึ่งทายาทนำคดีขึ้นสู่ศาลและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลที่ยังไม่มีข้อยุติ กรณีที่บริษัทมีการจัดประชุมและนำมติของที่ประชุมดังกล่าวมาขอจดทะเบียน นายทะเบียนจึงยังไม่อาจที่จะรับจดทะเบียนให้ได้

ถ1 - ผู้จัดการมรดกมีสิทธิร้องขอให้คณะกรรมการของบริษัทจำกัด เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้หรือไม่ ถ้าคณะกรรมการไม่เรียกประชุมผู้จัดการมรดกจะต้องดำเนินการอย่างไร จะเป็นผู้เรียก ประชุมเองได้หรือไม่
ถ2 - จะทำอย่างไรถ้าบริษัทไม่ดำเนินการลงทะเบียนรับผู้จัดการมรดกเป็นผู้ถือหุ้น
ต1 - ผู้จัดการมรดกสามารถใช้สิทธิในหุ้นของเจ้ามรดก ร้องขอให้กรรมการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1173 ถ้ากรรมการไม่เรียกประชุมภายในสามสิบวันนับแต่วันยื่นคำร้องขอ ผู้จัดการมรดกจะใช้สิทธิในหุ้นมรดก เรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตาม มาตรา 1174 วรรคสองได้ จะต้องเป็นกรณีที่มีเหตุอันจำเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของทายาท และต้องเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายโดยสุจริต
ต2 - กรณีที่บริษัทไม่ดำเนินการลงทะเบียนรับผู้จัดการมรดกเป็นผู้ถือหุ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1132 ผู้จัดการมรดกสามารถร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้บริษัทปฏิบัติตามคำร้องขอได้
ถ - การจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการและอำนาจกรรมการ เมื่อมีผู้มีส่วนได้เสียยื่นหนังสือคัดค้านการจดทะเบียนต่อนายทะเบียนแล้วนายทะเบียนสามารถรับคำขอนั้นไปพิจารณารับจดทะเบียนได้หรือไม่
ต - การประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อมีมิติให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงกรรมการและอำนาจกรรมการ เมื่อได้นัดเรียกและได้ประชุมกันรวมทั้งได้ลงมติถูกต้องตามประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิชย์และข้อบังคับของบริษัทและยื่นคำขอและเอกสารประกอบครบถ้วนถูกต้องตามระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางฯ พ.ศ.2549 แล้ว แม้จะ
มีการคัดค้านการจดทะเบียน แต่พอคำคัดค้านไม่เหตุผลพอที่จะรับฟังได้ และระหว่างการพิจารณาไม่ปรากฏแก่นายทะเบียนว่าศาลได้มีคำสั่งห้ามมิให้นายทะเบียนรับ
จดทะเบียนเป็นการชั่วคราวหรือมีคำสั่งอื่นใดในทำนองเดียวกัน นายทะเบียนพิจารณารับจดทะเบียนได้
ถ - มติพิเศษของที่ประชุมให้เลิกบริษัทมีผลตามกฎหมายหรือไม่
ต - การเลิกบริษัทมีผลสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่บริษัทมีมติพิเศษให้เลิกบริษัท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1236 ดังนั้น มติที่ประชุมในเรื่องการเลิกบริษัท จึงชอบด้วยกฎหมาย
ถ - การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีและกำหนดอำนาจผู้ชำระบัญชีมิได้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางฯ นายทะเบียนจะรับจดทะเบียนได้หรือไม่
ต - การแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีและกำหนดอำนาจผู้ชำระบัญชีต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251 เว้นแต่จะมีข้อบังคับกำหนดไว้เป็นอย่างอื่นหรือมีมติเป็นเอกฉันท์ แต่งตั้งให้ผู้อื่นนอกจากกรรมการเป็นผู้ชำระบัญชีตามระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางฯ ข้อ 80 กรณีดังกล่าวที่ประชุมมีมติแต่งตั้งกรรมการเป็นผู้ชำระบัญชีไม่ครบทุกคน และผู้ถือหุ้นไม่ได้เข้าประชุมทุกคน จึงมีผลให้ผู้ชำระบัญชีต้องเป็นไปตามมาตรา 1251 คือ กรรมการทุกคนเข้าเป็นผู้ชำระบัญชี และกำหนดอำนาจผู้ชำระบัญชีให้เป็นไปตามอำนาจ กรรมการเดิมก่อนเลิกบริษัท ตามมาตรา 1252 ดังนั้น คำขอจดทะเบียนของบริษัทหากได้แก้ไขให้มีผู้ชำระบัญชีซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทครบทั้ง 8 คน ก็รับจดทะเบียนได้โดยไม่ต้อง
ประชุมใหม่และหากให้มีผู้ชำระบัญชี 5 คน ให้จัดประชุมเพื่อมีมติแก้ไขเปลี่ยนแปลงผู้ชำระบัญชีต่อไป
ถ - การจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการและอำนาจกรรมการของบริษัท ทิพย์ช้าง จำกัด กรณีทำสัญญาประประนอมยอมความและศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายหุ้นและคู่กรณีมิได้ติดใจร้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น จะมีผลต่อการพิจารณาคำขอดังกล่าวหรือไม่
ต - กรณีดังกล่าวถึงแม้ว่าคู่สัญญาได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลได้มีคำพิพากษาตามยอมให้ยกเลิกสัญญาซื้อขายหุ้น แต่ผลของการเลิกสัญญาดังกล่าวย่อมไม่กระทบถึงการโอนหุ้นซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่สัญญาซื้อขายหุ้นมีผลใช้บังคับและเป็นการโอนหุ้นที่ได้กระทำโดยถูกต้อง คือมีการทำสัญญาโอนหุ้นมีการจดแจ้งการโอนลงในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น และส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นมายังสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดลำปางเพื่อเป็นหลักฐานทางทะเบียน จึงถือได้ว่าผู้ชื้อหรือผู้รับโอนได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นแทนที่ผู้ขายหรือผู้โอนโดยชอบแล้ว เมื่อผู้ขายหรือผู้โอนซึ่งหมดสภาพการเป็นผู้ถือหุ้นได้เรียกและจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น อีกทั้งยังร่วมลงมติในที่ประชุมด้วย การประชุมดังกล่าวจึงเป็นการประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น คำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการและอำนาจ โดยอาศัยการประชุมและมติที่ประชุมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงไม่อาจรับจดทะเบียนได้
ถ - บริษัทต้องการให้นายทะเบียนมีคำสั่งลบชื่อบริษัทออกจากสารบบทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
นายทะเบียนจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่
ต - กรณีที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้มีคำสั่งให้บริษัทจำเลยลบชื่อของบริษัทหรือมิให้ใช้ชื่อที่มีข้อพิพาทกันนั้น คำพิพากษาของศาล
มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น นายทะเบียนไม่มีอำนาจเพิกถอนชื่อซึ่งเป็นชื่อที่มีข้อพิพาทกันของจำเลยออกจากสารบบทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทได้และไม่อาจ
ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทได้เช่นกัน

ถ - บริษัทฯ ต้องการทราบคำจำกับความของวัตถุประสงค์ตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทว่า “ประกอบกิจการค้า” หมายความรวมไปถึงการ “ติดตั้ง” ด้วยหรือไม่
ต - การวินิจฉัยขอบเขตของวัตถุประสงค์เป็นปัญหาข้อกฎหมายและเป็นปัญหาข้อกฎหมายและเป็นการตีความถึงผลผูกพันทางแพ่งของการประกอบกิจการของบริษัท โดยไม่เกี่ยวกับปัญหาการจดทะเบียนซึ่งเป็นงานในหน้าที่รับผิดชอบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉะนั้นจึงไม่อาจที่จะก้าวล่วงเข้าไปวินิจฉัยได้อย่างไรก็ตามการจดทะเบียนวัตถุประสงค์ที่ประกอบการค้าของบริษัท ควรระบุรายละเอียดให้เป็นที่เข้าใจได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องอาศัยการตีความเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาในการติดต่อดำเนินธุรกิจกับหน่วยงานต่างๆ

- การจดทะเบียนบริษัท ต้องทำอย่างไร มีโครงสร้าง และ หลังจากจดทะเบียนแล้ว มีข้อกฎหมายที่บริษัทต้องปฎิบัติตามอย่างไรบ้าง

- การจดทะเบียน มีโครงสร้าง การดำเนินการ และหน้าที่ที่ปฎิบัติหลังจาก จัดตั้งบริษัทเรียบร้อยแล้วดังนี้

โครงสร้างของ "บริษัทจำกัด"
        1. ต้องมีผู้ร่วมลงทุน อย่างน้อย 3 คน
        2. แบ่งทุนออกเป็นหุ้น และมีมูลค่าหุ้นละเท่าๆ กัน
        3. มูลค่าหุ้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 5 บาท
        4. ความรับผิดชอบของผู้ถือหุ้นมีจำกัด (เฉพาะจำนวนเงินค่าหุ้นที่ยังส่งใช้ไม่ครบ)
        5. ต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

การดำเนินการจัดตั้งบริษัทจำกัด     ในการจัดตั้งบริษัทจำกัดนั้น จะต้องดำเนินการตามลำดับขั้นตอน ดังนี้
        1. ต้องมีผู้เริ่มก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เข้าชื่อกันทำหนังสือบริคณห์สนธิขึ้น แล้วไปจดทะเบียน
        2. เมื่อได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องจัดให้หุ้นของบริษัทที่จะตั้งขึ้นนั้นมีผู้ เข้าชื่อจองซื้อหุ้นจนครบ
        3. ดำเนินการประชุมตั้งบริษัท โดยต้องส่งคำบอกกล่าวนัดประชุมให้ผู้จองทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนวันประชุม
        4. เมื่อได้ประชุมตั้งบริษัท และที่ประชุมได้แต่งตั้งกรรมการบริษัทแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องมอบหมายกิจการให้กรรมการบริษัทรับไปดำเนินการต่อไป
        5. กรรมการบริษัทเรียกให้ผู้เริ่มก่อการและผู้จองหุ้นชำระค่าหุ้นอย่างน้อยร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้น (ทุนของบริษัทจะแบ่งเป็นกี่หุ้นก็ได้แต่ต้องไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท)
        6. เมื่อได้รับเงินค่าหุ้นแล้ว กรรมการต้องไปจดทะเบียนเป็นบริษัทภายใน 3 เดือน ภายหลังจากการประชุมตั้งบริษัท
        7. ในการจัดตั้งบริษัท ถ้าได้ดำเนินการทุกขั้นตอนดังต่อไปนี้ ภายในวันเดียวกับวันที่ผู้เริ่มก่อการจัดทำหนังสือบริคณห์สนธิ กรรมการจะจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนตั้งบริษัทไปพร้อมกันภายในวันเดียวก็ได้
                7.1 จัดให้มีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นครบตามจำนวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทจะจดทะเบียน
                7.2 ประชุมจัดตั้งบริษัท  เพื่อพิจารณากิจการต่างๆ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1108 โดยมีผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุม และผู้เริ่มก่อการ และผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคน ให้ความเห็นชอบในกิจการที่ได้ประชุมกันนั้น
                7.3 ผู้เริ่มก่อการได้มอบกิจการทั้งปวงให้แก่กรรมการบริษัท
                7.4 กรรมการได้เรียกให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น ใช้เงินค่าหุ้น โดยจะเรียกครั้งเดียวเต็มมูลค่าหรือไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้า ตามมาตรา 1110 วรรคสองก็ได้  และผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนได้ชำระเงินค่าหุ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว

การดำเนินการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมหรือเลิกและชำระบัญชีบริษัทจำกัด
        ในกรณีที่บริษัทจำกัดนั้นได้ตกลงที่จะแก้ไขเพิ่มเติมรายการใด ๆ ที่ได้จดทะเบียนไว้ เป็นอย่างอื่น หรือผู้ถือหุ้นจะเลิกกิจการ ก็จะต้องไปดำเนินการขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมรายการนั้น ๆ หรือจดทะเบียนเลิกและเสร็จการชำระบัญชี ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทที่ห้างนั้นมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่
        การจดทะเบียนจัดตั้งและแก้ไขเพิ่มเติมจะต้องดำเนินการตามวิธีและหลักเกณฑ์ที่กฎหมายและระเบียบของทางราชการได้กำหนดไว้

รายการจดทะเบียนที่บริษัทจะต้องจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติม
        1. การแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิก่อนการตั้งบริษัท
        2. มติพิเศษของบริษัทให้
            2.1 เพิ่มทุน
            2.2 ลดทุน
            2.3 ควบบริษัท
        3. ควบบริษัท
        4. แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิภายหลังตั้งบริษัท
        5. เพิ่มทุน
        6. ลดทุน
        7. กรรมการ
        8. จำนวนหรือชื่อกรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัท
        9. ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่และ/หรือสำนักงานสาขา
        10. ตราของบริษัท
        11. รายการอื่นที่เห็นสมควรจะให้ประชาชนทราบ

หน้าที่ของบริษัทจำกัด
        1. บริษัทจำกัด ต้องทำงบการเงินอย่างน้อยครั้งหนึ่งทุกรอบสิบสองเดือน โดยมีผู้ สอบบัญชีอย่างน้อย หนึ่งคนตรวจสอบ แล้วนำเสนอที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติงบการเงินภายใน 4 เดือน นับแต่วันปิดรอบปีบัญชี พร้อมทั้งยื่นงบการเงินต่อสำนักบริการข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด ภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่วันอนุมัติงบการเงิน ทั้งนี้รวมถึงบริษัทที่แม้ว่าจะยังมิได้ประกอบกิจการก็ตาม จะต้องส่งงบการเงินด้วย มิฉะนั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
        2. จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นและให้นำส่งต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร หรือที่สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดแล้วแต่กรณี ภายใน 14 วัน นับจากวันที่ประชุม มิฉะนั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
        3. ต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญ ภายหลัง 6 เดือน นับแต่วันจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และจัดประชุมครั้งต่อไปอย่างน้อย 1 ครั้ง ทุกระยะเวลา 12 เดือน มิฉะนั้น จะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
        อนึ่ง คำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่นั้น ให้ลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์แห่งท้องที่อย่างน้อยหนึ่งคราวก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน และ
        ส่งทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังผู้ถือหุ้นทุกคนที่มีชื่อในทะเบียนของบริษัท ก่อนนัดประชุมไม่น้อยกว่า 7 วัน เว้นแต่เป็นคำบอกกล่าวเรียกประชุมใหญ่ เพื่อลงมติพิเศษให้กระทำการดังว่านั้นก่อนวันนัดประชุมไม่น้อยกว่า 14 วัน
        4. ต้องจัดทำใบหุ้นมอบให้ผู้ถือหุ้นของบริษัท มิฉะนั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
        5. ต้องจัดทำสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท มิฉะนั้นมีความผิดต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
        6. บริษัทใดย้ายที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ ต้องขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท  มิฉะนั้นจะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
        ในกรณีนิติบุคคลไม่จัดส่งงบการเงินประจำปีตามที่กฎหมายกำหนด นอกจากนิติบุคคลจะมีความผิดแล้วกรรมการผู้จัดการหรือกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคล ก็มีความผิดต้องระวางโทษเช่นเดียวกับนิติบุคคลด้วย

กิจการที่กฎหมายกำหนดระยะเวลาในการยื่นจดทะเบียน
        1. คำขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งต้องยื่นขอจดทะเบียนภายใน 3 เดือน นับแต่วันประชุมตั้งบริษัท
        2. คำขอจดทะเบียนแต่งตั้งกรรมการของบริษัทขึ้นใหม่ และ/หรือกรรมการออกจากตำแหน่ง ต้องยื่นขอขอจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ตั้งกรรมการขึ้นใหม่ หรือกรรมการออกจากตำแหน่ง
        3. คำขอจดทะเบียนมติพิเศษให้เพิ่มทุน หรือลดทุนของบริษัทจำกัด หรือให้ควบบริษัทจำกัด ต้องยื่นขอจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ที่ประชุมได้มีการลงมติพิเศษ
        4. คำขอจดทะเบียนตั้งข้อบังคับขึ้นใหม่ หรือแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของบริษัทจำกัด ต้องยื่นขอจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ที่ประชุมได้มีการลงมติพิเศษ

        5. คำขอจดทะเบียนควบบริษัทจำกัด ต้องยื่นขอจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้มีการควบบริษัทเข้ากัน
        6. คำขอจดทะเบียนเลิกบริษัทจำกัด ต้องยื่นขอจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่เลิกกัน
        7. คำขอจดทะเบียนเปลี่ยนตัวผู้ชำระบัญชี ต้องยื่นขอจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้เปลี่ยนตัว
        8. คำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจผู้ชำระบัญชี ต้องยื่นขอจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ที่ประชุมได้มีการลงมติ หรือวันที่ที่ศาลได้มีคำพิพากษา
        9. คำขอจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีของบริษัทจำกัด ต้องยื่นขอจดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ที่ประชุมได้มีการลงมติ
        10. การยื่นรายงานการชำระบัญชีของบริษัทจำกัด ต้องยื่นทุกระยะ 3 เดือนครั้งหนึ่งนั้น ผู้ชำระบัญชีจะต้องยื่นรายงานการชำระบัญชีภายใน 14 วัน นับแต่วันครบกำหนด 3 เดือน

 
 
 


ข้อมูลอื่น เพื่อการประกอบธุรกิจ

ตารางแสดงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ซึ่งได้ประกาศให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555

ค่าจ้างขั้นต่ำ/ พื้นที่

300 จังหวัดภูเก็ต กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรสาคร
273 จังหวัดชลบุรี
269 จังหวัดฉะเชิงเทรา และสระบุรี
265 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
264 จังหวัดระยอง
259 จังหวัดพังงา
258 จังหวัดระนอง
257 จังหวัดกระบี่
255 จังหวัดนครราชสีมา และปราจีนบุรี
254 จังหวัดลพบุรี
252 จังหวัดกาญจนบุรี
251 จังหวัดเชียงใหม่ และราชบุรี
250 จังหวัดจันทบุรี และเพชรบุรี
246 จังหวัดสงขลา และสิงห์บุรี
244 จังหวัดตรัง
243 จังหวัดนครศรีธรรมราช และอ่างทอง
241 จังหวัดเลย ชุมพร พัทลุง สตูล และสระแก้ว
240 จังหวัดสมุทรสงคราม ประจวบคีรีขันธ์ ยะลา สุราษฎร์ธานี
239 จังหวัดนราธิวาส อุบลราชธานี และอุดรธานี
237 จังหวัดนครนายก และปัตตานี
236 จังหวัดหนองคาย ตราด บึงกาฬ และลำพูน
234 จังหวัดกำแพงเพชร และอุทัยธานี
233 จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยนาท และสุพรรณบุรี
232 จังหวัดเชียงราย นครสวรรค์ บุรีรัมย์ เพชรบูรณ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด และสกลนคร
230 จังหวัดชัยภูมิ มุกดาหาร ลำปาง สุโขทัย และหนองบัวลำภู
229 จังหวัดนครพนม
227 จังหวัดพิจิตร พิษณุโลก แพร่ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน อำนาจเจริญ และอุตรดิตถ์
226 จังหวัดตาก และสุรินทร์
225 จังหวัดน่าน
223 จังหวัดศรีสะเกษ
222 จังหวัดพะเยา

ตารางแสดงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555

ที่มา: กระทรวงแรงงาน ณ เดือน กุมภาพันธ์ 2555
เว็บไซต์: www.mol.go.th

 

กรณีที่ ท่านต้องการข้อมูลส่วนใดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสำนักงานได้ที่

บริษัท นารา การบัญชี จำกัด
เลขที่ 4/1 ซอยลาดพร้าว 52 ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทร. 02 933 5511, 02 933 5512, 081 585 88 11
แฟ็กซ์. 02 933 5890
อีเมล์: info@53ac.com

__________________________________________________________________________________________