บริการขออนุญาตนำเที่ยว ใบอนุญาต ธุรกิจนำเที่ยวเฉพาะพื้นที่ ธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ (Domestic) ธุรกิจนำเที่ยวต่างประเทศ (Inbound) ธุรกิจนำเที่ยวต่างประเทศ (Outbound)
ค่าบริการ 20,000 บาท โดยมีเงื่อนไขการจ่ายชำระดังนี้
- งวดที่ 1 เมื่อรับงาน เก็บ 50% เป็นเงิน 10,000 บาท เมื่อตอบรับใบเสนอบริการ
- งวดที่ 2 เก็บส่วนที่เหลืออีก 50% เป็นเงิน 10,000 บาท เมื่อชำระค่าธรรมเนียม (ก่อนออกใบอนุญาต)
ข่าวด่วน
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานพันธมิตร ได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการเร่งแก้ไขปัญหาให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกรมฯ ได้ออกระเบียบใหม่เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนของห้างหุ้นส่วนและบริษัทที่มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อป้องปรามปัญหานอมินีและสกัดกั้นผู้ที่ไม่วังดีในการประกอบธุรกิจนำเที่ยวของไทย โดยออก “ระเบียบสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางว่าด้วยการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัท (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2558” ซึ่งสาระสำคัญของระเบียบดังกล่าวกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ประสงค์จะจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจนำเที่ยวจะ “ต้องได้รับอนุญาต” ให้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว จากกรมการท่องเที่ยว ก่อนซึ่งเบื้องต้นกรมฯ จะรับจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์ทั่วๆ ไปให้ก่อน หลังจากนั้นให้นำหนังสือรับรองนิติบุคคลที่กรมฯ ออกให้ไปยื่นขอความเห็นขอบประกอบธุรกิจนำเที่ยวจากกรมท่องเที่ยว เมื่อได้รับใบอนุญาตจากกรมการท่องเที่ยวแล้ว จึงนำหลักฐานนั้นมาจดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์ นำเที่ยว กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าอีกครั้ง ซึ่งระเบียนใหม่นี้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป |
พระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551
มาตรา 17 ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวซึ่งเป็นนิติบุคคลต้อง
มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(ก) เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินกิจการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวถ้าเป็นห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ผู้เป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดชอบต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทยถ้าเป็นบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ทันของบริษัทไม่ต้องกว่าร้อยละห้าสิบเอ็ด ต้องเป็นบุคคลธรรมดาซึ่งมีสัญชาติไทย และกรรมการของบริษัทกิ่งหนึ่งต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย
(ข) กรรมการหรือผู้มีอำนาจจัดการแทนนิติบุคคลต้องมีคุณสมบัติและไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 16
,มาตรา 32 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องแสดงใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
มาตรา 35 ให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวชำระค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวทุกสองปี ตามหลักเกณฑ์วิธีการและอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
ผุ้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวผู้ใดไม่ชำระค่าธรรมเนียมภายในระยะเวลาที่กำหนดให้เสียเงินเพิ่มอีกร้อยละสองต่อเดือน และถ้าพ้นสามเดือนแล้วยังมิได้ชำระ ให้นายทะเบียนสั่งพักใช้ใบอนุญาตดังกล่าวจนกว่าจะชำระค่าธรรมเนียมและเงินเพิ่ม ซึ่งต้องงดไม่เกินหกเดือนนับแต่วันสั่งพักใช้ใบอนุญาต
เมื่อพ้นหกเดือนแล้ว ถ้าผู้ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวยังมิได้ชำระค่าธรรมเนียมและเงินเพิ่มตามวรรคสองให้นายทะเบียนสั่งเพิกถอนใบอนุญาต
ข้อปฏิบัติและคำแนะนำสำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตาม พ.ร.บ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551
- แสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผย เห็นได้้ง่าย ณ สถานที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ระบุไว้ในใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว (ตามมาตรา 32)
- ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องชำระค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวทุกๆ 2 ปี นับตั้งแต่วันครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่่ยว ได้ก่อนภายใน 120 วัน (ผู้ใดไม่ชำระค่าธรรมเนียมภายในระยะเวลาที่กำหนด ต้องเสียเงินเพีิมอีกร้อยละ 2 ต่อเดือนของค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตามมาตรา 35)
- กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ียวเปลี่ยนแปลงรายการของนิติบุคคล คุณสมบัติของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องมีอยู่ตลอดเวลาของการประกอบธุรกิจนำเที่ยวคือ (ตาม มาตรา 17)
- ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ผุ้เป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดชอบ และผู้มีอำนาจกระทำการแทน ต้องเป็นบุคคลธรรมดาผู้มีสัญชาติไทย
- ห้างหุ้นส่วนจำกัด หุ้นส่วนผู้จัดการ ต้องเป็นบุคคลธรรมดาผู้มีสัญชาติไทย
- บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด กรรมการของบริษัทเกินกึ่งหนึ่งต้องเป็นบุคคลธรรมดาผู้มีสัญชาติไทย ทุนของบริษัทไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ต้องเป็นบุคคลธรรมดาซึ่งมีสัญชาติไทย กรรมการผู้มีอำนาจจัดการแทนต้องเป็นบุคคลธรรมดาผู้มีสัญชาติไทย
- (ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวใดเปลี่ยนแปลงรายการของนิติบุคคลแล้วทำให้ขาดคุณสมบัติของผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 นายทะเบียนมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้)
- หากมีการเปลี่ยนแปลงรายการประกอบธุรกิจนำเที่ยวต่างๆ เช่น เปลี่ยนแปลงที่ตั้่งสำนักงาน เปลี่ยนชื่อบุคคลหรือนิติบุคคล เปลี่ยนชื่อสถานประกอบการ เปลี่ยนแปลงกรรมการหรือผู้มีอำนาจจัดการแทน เพิ่มหรือยกเลิกสำนักงานสาขา เปลี่ยนแปลงที่ตั้งสำนักงานสาขา และอื่นๆ ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่่ยวต้องยื่นเอกสารหลักฐานการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง
- การเปลี่ยนชื่อและที่อยู่ หรือรายการต่างๆ ที่เกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่่ยว สำนักงานทะเบียนฯ อาจมีการแก้ไขรายการเปลี่ยนแปลงลงในใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวสำนักงานทะเบียนฯ อาจมีการแก้ไขรายการเปลี่ยนแปลงลงในใบอนุญาตฯ ดังนั้นผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวจึงไม่ควรนำใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวไปเคลือบพลาสติก
ข้อควรทราบของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว
- ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย ณ สถานที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
- คุณสมบัติตามมาตรา 16 หรือ 17 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 ต้องมีอยู่ตลอดระยะเวลาที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว
- การขาตคุณสมบัติตามมาตรา 16 หรือ 17 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 จะเป็นเป็นเหตุให้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประำกอบธุรกิจนำเที่ยว
- ผู้ประกอบการนำเที่ยว ต้องมีการจดทะเบียนและวางเงินประกันกับ สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
- ธุรกิจนำเที่ยวเฉพาะพื้นที่ ต้องวางประกัน จำนวน 10,000 บาท สามารถประกอบธุรกิจท่องเที่ยวได้เฉพาะในจังหวัดที่จดทะเบียนและจังหวัดข้างเคียงซึ่งอยู่ในพื้นที่่เดียวกัน และบริการได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยเท่านั้น
- ธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ (Domestic) ต้องวางประกันจำนวน 50,000 บาท สามารถประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยทุกจังหวัด โดยไม่ให้นำเที่ยวไปยังต่างประเทศ ให้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยเท่านั้น
- ธุรกิจนำเที่ยวต่างประเทศ (Inbound) ต้องวางประกันจำนวน 100,000 บาท สามารถประกอบธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยทุกจังหวัด โดยไม่ให้นำเที่ยวไปยังต่างประเทศ ให้บริการได้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น
- ธุรกิจนำเที่ยวต่างประเทศ (Outbound) ต้องวางประกันจำนวน 200,000 บาท สามารถประกอบธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ให้บริการได้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง
โทร 02 401 1111, 02 219 4029 -- 30 หรือ 02 210 4010 -- 7 ต่อ 133, 144, 155
|