ระเบียบว่าด้วยการ
ขึ้นทะเบียนทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร พ.ศ. 2552
อาศัยอำนาจตามความในข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการแบ่งส่วนงานของสภาทนายความและอำนาจหน้าที่ของกรรมการ
สภาทนายความ พ.ศ. 2547 ข้อ 4 และข้อ 5 และข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนทนายความผู้ทำคำรับรอง
ลายมือชื่อและเอกสาร พ.ศ. 2551 ข้อ 4 (2) นายกสภาทนายความ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสภาทนายความ ได้ออกระเบียบและหลักเกณฑ์ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร พ.ศ. 2552 ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบว่าด้วยการขึ้นทะเบียนทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร พ.ศ. 2552”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ให้ยกเลิกคำสั่งและข้อกำหนดว่าด้วยการขึ้นทะเบียนทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร พ.ศ. 2543 และ พ.ศ. 2546
ข้อ 4 บรรดาระเบียบ คำสั่ง และข้อกำหนดอื่นใดที่กำหนดไว้แล้วในระเบียบนี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับข้อบัญญัติของระเบียบนี้ ให้ใช้ระเบียบนี้แทน
ข้อ 5 ในระเบียบนี้
(1) “ระเบียบ” หมายความว่า ระเบียบว่าด้วยการขึ้นทะเบียนทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร พ.ศ. 2552
(2) “ข้อบังคับ” หมายความว่า ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการขึ้นทะเบียนทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร พ.ศ. 2551
(3) “สำนักงาน” หมายความว่า สำนักงานทะเบียนแบบการรับรองลายมือชื่อและเอกสาร
(4) “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการตามข้อ 9 ของระเบียบนี้
(5) “ผู้อำนวยการ” หมายความว่า ผู้อำนวยการสำนักงานทะเบียนแบบการรับรองลายมือชื่อและเอกสารตามระเบียบนี้ และให้หมายรวมถึงบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการด้วย
ส่วนที่ 1
สำนักงานทะเบียนแบบการรับรองลายมือชื่อและเอกสาร
ข้อ 6 ให้สำนักงานดำเนินการฝึกอบรมหลักปฏิบัติทั่วไปในการรับรองลายมือชื่อและเอกสาร ฝึกอบรมจรรยาบรรณและการทดสอบเชิงปฏิบัติการงานรับรองลายมือชื่อและเอกสารตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ 7 ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการรับรองลายมือชื่อและเอกสาร ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(1) ต้องเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ และไม่อยู่ระหว่างถูกลงโทษฐานประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามมาตรา 52 (2)
แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 หรืออยู่ระหว่างถูกสอบสวนในคดีประพฤติผิดมรรยาททนายความ
(2) ไม่เคยถูกลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ เพราะเหตุประพฤติผิดมรรยาททนายความ
(3) เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต และไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียเกี่ยวกับการรับรองลายมือชื่อ เอกสารหรือนิติกรรม
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรการรับรองลายมือชื่อและเอกสารซึ่งได้ผ่านการฝึกอบรมและการทดสอบที่จัดโดยสำนักงานตามหลักสูตร
ที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้เท่านั้น มีสิทธิขอขึ้นทะเบียนเป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารตามข้อบังคับของสภาทนายความ
ข้อ 8 ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้บริหารกิจการของสำนักงานตามนโยบายหรือมติของคณะกรรมการ
ข้อ 9 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการสภาทนายความ เรียกว่า คณะกรรมการอำนวยการสำนักงานทะเบียน
แบบการรับรองลายมือชื่อและเอกสาร ซึ่งประกอบด้วย อุปนายกสภาทนายความฝ่ายวิชาการ ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการ และกรรมการอื่นซึ่งคณะกรรมการสภาทนายความแต่งตั้งรวมไม่เกิน 15 คน ทั้งนี้ให้นายก อุปนายก
และเลขาธิการสภาทนายความ เป็นที่ปรึกษาโดยตำแหน่ง
ข้อ 10 ให้คณะกรรมการดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระของคณะกรรมการสภาทนายความซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งให้เข้ารับตำแหน่ง
คณะกรรมการสภาทนายความอาจมีมติให้กรรมการคนใดคนหนึ่ง หรือทั้งคณะ พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระก็ได้ และจะแต่งตั้งบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นกรรมการแทนกรรมการที่ตาย ลาออกหรือต้องพ้นตำแหน่งก่อนวาระก็ได้ คณะกรรมการหรือกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งแทนนี้ให้อยู่ในตำแหน่งได้เท่าวาระของกรรมการที่ตนแทน
ข้อ 11 ในกรณีที่คณะกรรมการพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ไม่ว่าจะเป็นการพ้นจากตำแหน่งตามวาระหรือก่อนครบวาระก็ตาม ให้ผู้อำนวยการยังคงรักษาการในตำแหน่งเช่นนั้นต่อไปจนกว่าจะมีคณะกรรมการชุดใหม่เข้ารับหน้าที่
ข้อ 12 ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) กำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติในการบริหารกิจการสำนักงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของสภาทนายความ
(2) กำหนดรายละเอียดของหลักสูตรการรับรองลายมือชื่อและเอกสาร ตลอดจนเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการฝึกอบรมตามความเหมาะสม
(3) กำหนดค่าธรรมเนียมที่จะพึงเรียกเก็บจากผู้เข้ารับการฝึกอบรม แต่ต้องไม่เกินห้าพันบาท
(4) จัดทำประมาณการรายรับ-รายจ่าย และรายงานเกี่ยวกับฐานะทางการเงินของสำนักงานเสนอต่อคณะกรรมการสภาทนายความเพื่อให้ความเห็นชอบ
(5) จัดทำรายงานการฝึกอบรมเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการสภาทนายความ
(6) คัดเลือก แต่งตั้ง และสับเปลี่ยนผู้บรรยาย ผู้ทดสอบและผู้ควบคุมหรือผู้ให้การฝึกอบรมตามที่เห็นสมควร
(7) แต่งตั้งและถอดถอนที่ปรึกษาหรือคณะที่ปรึกษาอื่น ซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งตามที่เห็นสมควร
(8) ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ที่จำเป็นและสมควร เพื่อให้กิจการของสำนักงานสำเร็จผลด้วยดี
ข้อ 13 ให้ผู้อำนวยการเป็นผู้กำหนดนัดและเรียกประชุมคณะกรรมการได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ในการประชุมคณะกรรมการจะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมอย่างน้อยกึ่งหนึ่งจึงจะเป็นองค์ประชุม ให้ผู้อำนวยการหรือกรรมการที่ผู้อำนวยการมอบหมายทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม
มติของที่ประชุมคณะกรรมการให้ถือเสียงข้างมาก ในกรณีที่คะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมมีสิทธิออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ส่วนที่ 2
หลักสูตร
ข้อ 14 ให้สำนักงานทะเบียนแบบการรับรองลายมือชื่อและเอกสารจัดให้มีการฝึกอบรมการรับรองลายมือชื่อและเอกสารเป็นประจำทุกปี ปีละไม่น้อยกว่า 1 ครั้ง
ข้อ 15 หลักสูตรการรับรองลายมือชื่อและเอกสารเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการ ซึ่งอย่างน้อยจะต้องมีระยะเวลาและรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
(1) หลักการและอำนาจหน้าที่ (1 ชั่วโมง)
ก. หลักการ ความสำคัญและประโยชน์ของการรับรองลายมือชื่อและเอกสาร
ข. อำนาจหน้าที่ในการทำคำรับรอง
(2) ประเภทและแบบของการรับรองลายมือชื่อและเอกสาร (2 ชั่วโมง)
ก. การรับรองสำเนาเอกสาร
ข. การรับรองลายมือชื่อ
ค. การทำคำสาบาน
ง. การรับรองบุคคล
จ. การบันทึกคำให้การที่ต้องมีการสาบาน
ฉ. การทำคำคัดค้าน
ช. วิธีการรับรองและตราประทับ
(3) ขอบเขตและหน้าที่ในการรับรอง (1 ชั่วโมง)
(4) การขึ้นทะเบียน, การต่ออายุ, การใช้ตราประทับ, สติ๊กเกอร์, หลักการและสาระสำคัญของข้อกำหนดฯ (1 ชั่วโมง)
(5) เปรียบเทียบการรับรองกับ Notary public ในต่างประเทศ (2 ชั่วโมง)
(6) จรรยาบรรณ ข้อควรระมัดระวัง และความรับผิดในการรับรอง (2 ชั่วโมง)
ก. ความรับผิดทางแพ่ง
ข. ความรับผิดทางอาญา
ค. การประพฤติผิดมรรยาททนายความ
(7) คุณสมบัติและการพ้นสภาพจากการเป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร (1 ชั่วโมง)
(8) กรณีศึกษา (2 ชั่วโมง)
(9) การทดสอบ (3 ชั่วโมง)
ส่วนที่ 3
หน้าที่ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม
ข้อ 16 ผู้สมัครรับการฝึกอบรมจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมตามวัน เวลา ที่คณะกรรมการกำหนด โดยคณะกรรมการจะประเมินผลจากเวลาที่เข้าฝึกอบรมจริง โดยต้องมีเวลาเข้าฝึกอบรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 และประเมินผลจากการทดสอบ ผู้ผ่านการทดสอบจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร โดยได้รับหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนจากสำนักงาน พร้อมตราประทับ
ข้อ 17 คณะกรรมการมีสิทธิคัดชื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมออกจากทะเบียนผู้สมัคร หรือสั่งพักการฝึกอบรมได้ตามระยะเวลาที่เห็นสมควร หากปรากฏว่าผู้เข้ารับการฝึกอบรมขาดคุณสมบัติหรือประพฤติตนไปในทางที่อาจจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียหรือความเสียหายแก่สำนักงานทะเบียนหรือสภาทนายความ
ข้อ 18 ให้ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ประกาศกำหนดเวลาการฝึกอบรมและการทดสอบในแต่ละปีก่อนล่วงหน้าตามระยะเวลาพอสมควร
ส่วนที่ 4
การขึ้นทะเบียนและการต่ออายุ
ข้อ 19 การขอขึ้นทะเบียนเป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร ผู้ขอจะต้องมีคุณสมบัติตามข้อ 4 ของข้อบังคับ และให้ยื่นคำขอต่อสำนักงานตามแบบ ทรอ.1 ท้ายระเบียบนี้
ข้อ 20 หนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนและตราประทับให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ 21 การต่ออายุหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนให้ยื่นคำขอต่อสำนักงาน ตามแบบ ทรอ.2 ท้ายระเบียบนี้ภายใน 90 วัน ก่อนวันสิ้นอายุ โดยผู้ยื่นคำขอต้องยังคงมีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อ 4 ของข้อบังคับ และต้องชำระค่าธรรมเนียมตามระเบียบนี้สำหรับการต่ออายุคราวหนึ่ง ซึ่งจะมีผลให้ได้รับการต่ออายุอีก 2 ปี
ข้อ 22 ในกรณีที่หนังสือรับรอง หรือตราประทับสูญหาย หรือชำรุดเสียหายในสาระสำคัญให้ทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารยื่นคำขอรับใบแทนหรือตราประทับแทนต่อสำนักงานตามแบบ ทรอ.3 ท้ายระเบียบนี้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ทราบการสูญหายหรือชำรุดเสียหาย ทั้งนี้ให้เสียค่าธรรมเนียมตามระเบียบนี้
ข้อ 23 ทนายความที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลจากที่แจ้งไว้เดิม จะต้องยื่นคำขอแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่อสำนักงานตามแบบ ทรอ.4 ท้ายระเบียบนี้ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยให้เสียค่าธรรมเนียมตามระเบียบนี้
ข้อ 24 ในกรณีที่สภาทนายความไม่รับขึ้นทะเบียนให้แก่ผู้ยื่นคำขอ หรือไม่รับการต่ออายุหนังสือรับรอง ต้องแสดงเหตุผลของการไม่รับขึ้นทะเบียนหรือไม่ต่ออายุหนังสือรับรองโดยชัดแจ้ง ในกรณีเช่นนี้ผู้ยื่นคำขออาจโต้แย้งคำสั่งไม่รับขึ้นทะเบียนหรือไม่รับต่ออายุต่อสภานายกพิเศษตามแบบ ทรอ.5 ท้ายระเบียบนี้ ภายในกำหนด 30 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งคำสั่งไม่รับขึ้นทะเบียน
ข้อ 25 ให้ทนายความที่ได้รับการขึ้นทะเบียนพ้นสภาพการเป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร ในกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้
(1) พ้นสภาพการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ
(2) ขาดต่ออายุหนังสือรับรอง
(3) ถูกลงโทษฐานประพฤติผิดมรรยาททนายความ ตามมาตรา 52 (2) แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528
(4) ทำการรับรองลายมือชื่อหรือเอกสารหรือคำรับรองใดโดยผิดต่อข้อบังคับของสภาทนายความหรือผิดต่อระเบียบนี้ และสภาทนายความมีมติให้พ้นสภาพ
(5) ขาดคุณสมบัติตามที่กำหนดในข้อบังคับไม่ว่าก่อนหรือหลังการขึ้นทะเบียน
ข้อ 26 ในกรณีที่มีการกล่าวหาโดยผู้มีส่วนได้เสีย หรือในกรณีที่ปรากฏต่อสภาทนายความว่า ทนายความผู้ทำคำรับ
รองลายมือชื่อและเอกสารขาดคุณสมบัติตามข้อ 4 แห่งข้อบังคับหรือข้อ 7 แห่งระเบียบนี้หรือปฏิบัติฝ่าฝืนระเบียบนี้ ให้ผู้อำนวยการแต่งตั้งทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารที่ได้รับอนุญาตว่าความมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสิบปี เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและกรรมการอีกสองคนทำการสอบสวนข้อเท็จจริงและทำความเห็นเสนอต่อคณะ
กรรมการสภาทนายความเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป
ในกรณีที่คณะกรรมการสภาทนายความมีคำสั่งให้ทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารคนใดพ้นสภาพการเป็นทนายความ
ผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารตามข้อ 25 (4) แห่งระเบียบนี้ ให้ผู้อำนวยการมีหนังสือแจ้งคำสั่งนั้นแก่ทนายความผู้นั้นโดยเร็ว
ข้อ 27 ทนายความที่พ้นสภาพการเป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารตามที่กล่าวในข้อ 25 มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของสภา
ทนายความต่อสภานายกพิเศษตามแบบ ทรอ.5 ท้ายระเบียบนี้ ภายในกำหนด 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
ส่วนที่ 5
สมุดทะเบียนการทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร
ข้อ 28 ในการทำคำรับรอง ให้ทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารจัดทำสมุดทะเบียนคำรับรอง โดยอย่างน้อยให้มีรายการดังต่อไปนี้
(1) วันที่รับเอกสาร
(2) ชื่อและที่อยู่ของผู้ยื่นขอให้ทำคำรับรอง
(3) ชื่อเจ้าของเอกสาร
(4) ชื่อและ/หรือประเภทของเอกสาร
(5) วันเดือนปี ที่ทำคำรับรอง
ข้อ 29 ทนายความผู้ทำคำรับรองจะต้องเก็บรักษาสมุดทะเบียนคำรับรองเพื่อให้ตรวจสอบได้เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากรายการรับรองครั้งสุดท้าย
ส่วนที่ 6
ค่าธรรมเนียม
ข้อ 30 ให้กำหนดค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้
(1) การขึ้นทะเบียนเป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร 800 บาท
(2) การรับหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนเป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร สองปี ฉบับละ 800 บาท
(3) ตราประทับดวงละ 500 บาท
(4) การต่ออายุหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียน ครั้งละ 800 บาท
(5) การออกใบแทนหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียน ฉบับละ 100 บาท
(6) การออกดวงตราประทับแทนดวงตราเดิม ดวงละ 500 บาท
(7) การแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลทางทะเบียน ครั้งละ 50 บาท
(8) การออกหนังสือรับรองกรณีต่าง ๆ ฉบับละ 50 บาท
(9) การรับรองสำเนาเอกสาร ฉบับละ 20 บาท
ส่วนที่ 7
บทเฉพาะกาล
ข้อ 31 ให้ทนายความที่ได้ผ่านการอบรมหลักสูตรทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารตามข้อ 5 แห่งข้อกำหนดว่าด้วยการขึ้นทะเบียนทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร พ.ศ. 2546 เป็นทนายความที่ได้ผ่านการอบรมตาม ข้อ 7 วรรคสองแห่งระเบียบนี้
ข้อ 32 ให้ทนายความที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารตามข้อกำหนดว่าด้วยการขึ้นทะเบียนทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสาร พ.ศ. 2546 ก่อนวันที่ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับ เป็นทนายความผู้ทำคำรับรองลายมือชื่อและเอกสารตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์
นายกสภาทนายความ |